🇫🇷 Paris : Beautiful Dangerous 🇫🇷

… “มหานครปารีส” เมืองท่องเที่ยวยอดนิยมจากชนชาติต่าง ๆ ทั่วทุกมุมโลก กับเมืองที่มีความงดงามทางด้านสถาปัตยกรรม ศิลปะ และมนต์เสน่ห์ต่าง ๆ ที่ยังคงเป็นที่ใฝ่ฝันของใครหลาย ๆ คน รวมไปถึงกิตติศัพท์คำร่ำลือต่าง ๆ ทั้งในมุมที่งดงามจนทำให้เมืองนี้อาจเป็นหนึ่งเมืองในฝันของใครหลายคน และก็อาจเป็นได้ถึงมุมที่ไม่น่าจดจำเท่าไหร่นักกับอีกหลายคนที่อาจเคยเจอกับเหตุการณ์ไม่ดี ไม่น่าจดจำถึงขนาดเปลี่ยนให้มีมุมมองที่ติดลบเข็ดขยาดไปเลยก็ยังมี..

…ในอัลบั้มนี้เป็นการนำภาพเก่าตั้งแต่เมื่อตอนกุมภาพันธ์ 2016 มาลงใหม่ซึ่งรีวิวตัวนี้เคยลงเวปพันทิปไปเมื่อนานมาแล้ว วันนี้คัดบางภาพมานั่งเขียนใหม่อีกครั้งระหว่างรอวัคซีนโควิด-19 .. นอกจากนี้ความพิเศษของอัลบั้มนี้คือเป็นการเดินทางสู่ทวีปยุโรปเป็นครั้งแรกในชีวิตของผมอีกด้วยส่วนสาเหตุที่ได้ไปก็เพราะไปถ่ายทริปลูกค้าเดินทางเป็นเวลา 9 วัน ก็ได้ภาพมาพอสมควร.. ซึ่งตลอด 9 วันนี้ก็สาละวนอยู่แต่ในปารีสนี่แหละ ส่วนสถานที่ไปก็มีอยู่ไม่กี่แห่งที่เน้น ๆ ตามสภาพหน้าที่การงาน โดยยังมีสถานที่อีกหลายแห่งที่น่าสนใจในปารีสที่ผมเองก็ไม่ได้ไป แต่ยังดีที่ตามแต่ละที่ที่ไปนั้นก็ยังได้เก็บภาพสวย ๆ งาม ๆ ติดไม้ติดมือกลับมาเป็นที่ระลึก จากพันกว่าภาพที่ถ่ายมาทั้งหมดกับสถานที่ต่าง ๆ ผมมานั่งเลือกนั่งคัดออกจนเหลือประมาณนี้ โดยสถานที่หลัก ๆ ก็ตามนี้เลย

– Arc De Triomphe –– The Palace of Versailles –– Cathédrale Notre-Dame de Paris –– Roof Top of Galeries Lafayette –– The Lourve Museum –– Evening Time at Jardin Des Tuileries –– Love at First Sight at Seine River –– La Tour Eiffel –


• Camera & Lens •

– NIKON D810

– AF-S NIKKOR 14-24mm f/2.8G ED

– AF-S NIKKOR 24-70mm f/2.8G ED

– AF-S NIKKOR 70-200mm f/2.8G ED VR II


• Arc de Triomphe •

“อนุสรณ์สถาน Arc de Triomphe : ประตูชัย”

…เคยเห็นว่าวงเวียนใหญ่ อนุสาวรีย์ชัยฯ บ้านเรานั้นวุ่นวายแล้วที่นี่ไม่ต่างกันครับ.. สำนวนภาษาอังกฤษที่ว่า “All Roads Lead to Rome” ถนนทุกสายมุ่งสู่กรุงโรมได้ .. ถนนทุกสายก็มุ่งสู่ประตูชัยได้เช่นกัน.. จำนวนรถคราคร่ำ เสียงแตรรถที่บีบเตือนระวังกัน มอเตอร์ไซด์คันใหญ่ที่ซอกแซกไปมา จังหวะเบรกที่พุ่งตัวแทบโก่ง คือภาพชินตาของที่นี่ .. วันแรกที่ผมได้เห็นถึงกับอึ้งว่ามันวุ่นได้ถึงเพียงนี้ นี่หรือตำแหน่งของสถานที่ในฝันของการถ่ายภาพของใครหลายคน ทำไมมันได้พลุกพล่านขนาดนี้ … แต่มันก็ยังมีอะไรดีให้เราได้พบเห็น ถ้าไม่นับบริเวณลานใต้ประตูชัยที่เราสามารถเข้าไปยืนชมความอลังการแบบใกล้ชิดได้แล้ว ก็จะมีบริเวณริมถนนรอบ ๆ ที่สามารถเลือกมุมถ่ายภาพได้สบาย ..

…แต่ที่เด็ดสุดคือตรงไฟแดง(ผมไม่แน่ใจว่ามีทุกด้านหรือเปล่า) จะมีช่องเลนเล็ก ๆ ตรงเกาะกลางถนนให้พอประมาณหนึ่งคนยืนต่อคิวแถวตอนลึกให้ได้ถ่ายรูปกันแบบชัด ๆ ตรงกลางประตูชัยเป๊ะ ๆ .. ถามว่าอันตรายมั้ยก็รถวิ่งไปมาทั้งซ้ายขวาก็อันตรายครับ แต่ผมเชื่อว่าคนขับรถที่นี่เคารพสัญญาณไฟเป็นอันดับแรก ดังนั้นถ้าเรายืนอยู่ในตำแหน่งที่ปลอดภัยไม่ทะเล่อทะล่าก้าวออกมา ถ้าไม่ใช่อุบัติเหตุหรือซวยจริง ๆ ก็สามารถยืนถ่ายรูปได้สบายครับ

…ช่วงเวลาที่น่าสนใจถ้าไม่นับระหว่างวันที่ท้องฟ้าแจ่มใส ผมว่าก็ต้องเป็นช่วงโพล้เพล้ยามเย็นทไวไลท์นั่นแหละครับ จะเดินรอบประตูชัย หรือจะขึ้นไปชมวิวด้านบนก็ได้เช่นกันซึ่งเมื่อเราอยู่ด้านบนมองลงมาจะเห็นถนนทั้ง 12 สายพุ่งมาบรรจบกันที่ประตูชัย (ตัวผมไม่ได้ขึ้นครับ ไม่มีเวลา ได้แต่เห็นรูปจากป้าย .. สวยงามดีเลยจำมาบรรยาย) .. ส่วนอีกมุมที่ผมว่าน่าจะสวยก็คือ มุมที่เราอยู่ตรงถนนช็องเซลีเซ(Champs- Élysées) มองสาดเข้าไปประตูชัยเหมือนภาพแรกสุด ยามค่ำคืนก็จะได้ทั้งไฟรถ และไฟจากประตูชัย.. เป็นอีกมุมที่คิดไว้ว่าอยากถ่ายแต่พอตกกลางคืนก็ต้องไปกินข้าว…อดถ่ายไปครับ… T_T


• Champs- Élysées Avenue •

เดินเล่นแบบหรู ๆ ที่ “ถนนช็องเซลีเซ : Champs- Élysées

…ปารีสเมืองแห่งแฟชั่น เมืองแห่งการช๊อปปิ้ง แบรนด์ดัง ๆ สารพัดเสื้อผ้าหน้าผมน้ำหอมทุกสิ่งอย่างก็มารวมอยู่บนถนนนี้แหละครับ ทั้งกราบซ้ายกราบขวาเดินเล่นได้หมด ถ่ายภาพบรรยากาศผู้คนเดินไปมาจะคนฝรั่งเศสเอง หรือต่างชาติก็มีมาเดินกันเยอะครับ เดินเรื่อย ๆ เดินกันทั้งวัน … สภาพถนนสะอาดจังหวะดีดีได้ตรงทางเดินคนโล่งนิดว่างหน่อยก็ทำให้ภาพมีชีวิตได้ขึ้นอีกเยอะ…

…ในภาพนี่ผมเดินเล่นที่นี่ตอนประมาณบ่ายสองโมงฟ้ากำลังสวยได้ที่เลย ถ้าหันหน้าให้ดวงอาทิตย์เราก็จะได้ภาพเงาดำย้อนแสง ถ้าหันหลังกลับฟ้าสวย ๆ เข้ม ๆ ก็รอเราอยู่ครับ .. ตรงทางเดินนี้ใส่เลนส์มุมกว้างถ่ายก็สนุกครับ เพราะจะเก็บได้ครบ ๆ เลยทั้งตึก ต้นไม้ ริมถนน เห็นบรรยากาศฟิวส์ทางเดินดี .. หรือจะเปลี่ยนเป็นเทเลก็ยิ่งสนุกจับแอคชั่นคนเดิน นกพิราบบิน(ที่นี่นกเยอะมาก) .. ที่ต้องระวังก็อาจจะเป็นตอนเปลี่ยนเลนส์เพราะคนเยอะอาจเบียดเราได้ สำหรับผมเข้ามุมกำแพงเลยครับง่ายดี ปลอดภัยจากคนชน และจากการตกเป็นเหยื่อของมิจฉาชีพ.. …ที่ปารีสนี่ก่อนมาผมบอกตรง ๆ เลยว่าเคยได้ยินกิตติศัพท์ถึงความน่ากลัวของมิจฉาชีพมาอยู่ระดับหนึ่งพอประมาณ ซึ่งเพื่อน ๆ พี่ ๆ ผมที่รู้ว่าผมจะได้มาใช้ชีวิตทำงานถ่ายภาพอยู่ที่นี่ 9 วัน ทุกคนยิ่งบอกให้ระวังจากการโดยล้วงกระเป๋า ฉกของมีค่า และอีกหลายเหตุการณ์ที่แต่ละคนเล่ามา.. วันแรก ๆ ที่ผมมาแล้วเดิน ๆๆ ก็มีหลอนครับ มองซ้าย มองขวา มองหลัง มองหน้า คอแทบจะหมุนได้เป็นนกเค้าแมวไปแล้ว.. แต่พอผ่านไปเข้าวันที่สามวันที่สี่ก็เริ่มโอเคขึ้น ความหลอนน้อยลงแต่ยังคงไม่ประมาทเหมือนเดิม…

…โดยผมจะรักษาระยะห่างรัศมี 1 เมตรเลยครับ.. คือไม่ให้ใครมาใกล้ตัวเราเพราะไหนจะกระเป๋ากล้องเราที่สะพายหลัง แล้วก็กระเป๋าเลนส์ที่ห้อยอยู่ข้างเอวอีก มันอาจเป็นสิ่งล่อตาล่อใจของมิจฉาชีพ .. ดังนั้นเวลาเดิน ๆ อยู่หากมีใครมาใกล้ผมก็เดินหนีออกห่าง คิดไว้ว่าห่างไว้สัก 1 เมตร ยังอยู่ในระยะปลอดภัย เหมือนเล่นบอลแล้วคุมโซนยังไงยังงั้นเลยครับ ไม่ต้องใช้แบบ Man Mark เอาแค่คุมโซนให้อยู่ในระยะ และห้ามประมาทความปลอดภัยก็มากขึ้นครับ…


• The Palace of Versailles •

มรดกโลกสุดอลังการ “พระราชวังแวร์ซาย : The Palace of Versailles”

…ที่ต่อมาจะอยู่ห่างจากตัวเมืองปารีสออกไปหน่อยครับ ไปทางตะวันตกเฉียงใต้ของเมืองประมาณ 20 กม. ก็ถ้าใครมาแล้วมีเวลาหลายวัน และอยากสัมผัสความอลังการหรูหราวิจิตรตระการตาผมว่าคุ้มค่านะ… ยิ่งถ้าใครชอบเรื่องราวประวัติศาสตร์เป็นทุนเดิมด้วยอยู่แล้วไม่น่าพลาด .. ชื่อเสียงของพระราชวังแวร์ซายนั้นการันตีความเลอค่ามาช้านาน.. ทันทีที่สายตาผมเห็นกับพระราชวังสีทองที่ตั้งอยู่บนพื้นที่ลานกว้าง แว่บแรกที่รู้สึกเลยคือ “มันช่างอลังการมากกกกกก…” ยิ่งพอสีทองอร่ามตัดกับฉากหลังท้องฟ้าเข้ม ๆ ในวันนั้นด้วยแล้ว.. ภาพสวย ๆ  อยู่ตรงหน้าแล้วครับ…

…ถ้าจะมาถ่ายตัวพระราชวังให้สวยผมแนะนำช่วงเช้าเลย เพราะดวงอาทิตย์ขึ้นฝั่งตรงข้ามหน้าพระราชวังพอสายปุ๊บทำมุมพอดี ถ้ามาจังหวะดีดีฟ้าเข้มปรี๊ด ยิ่งให้ชวนคิดว่าถ้ามีเมฆขึ้นเยอะ ๆ ด้วยแล้วคงยิ่งอลังการน่าดูชม…

…บริเวณก่อนทางเข้านั้นหากใครที่ไม่ซื้อตั๋วก็ยังสามารถถ่ายรูปได้เช่นกัน เพียงแต่จะอยู่ได้แค่ถึงตรงจุดขายตั๋ว หลังจากนั้นก็ต้องซื้อตั๋วเข้าชม(ค่าตั๋ว 15 ยูโร) ถามว่าคุ้มมั้ย .. ถ้าคนชอบศิลปะ ประวัติศาสตร์ และมีเวลาเดินแบบอิน ๆ คือมองแบบพินิจพิจารณาผมว่าคุ้ม… แต่ถ้าใครไม่ชอบแนวนี้ อาจจะเฉย ๆ เพราะแต่ละคนความชอบก็ไม่เหมือนกัน… …ภายในพระราชวังก็จะแบ่งเป็นห้อง พื้นที่แตกต่างกันไปโดยจะเรียงร้อยเรื่องราวต่าง ๆ ผ่านจิตกรรมฝาผนังที่บอกได้ว่าเว่อร์วังอลังการสุด ๆ .. ใครชอบถ่ายรูปสามารถเอากล้องเข้ามาถ่ายได้ครับกล้องเล็กกล้องใหญ่ได้หมด “ห้ามเปิดแฟลช” เป็นพอ .. และอีกข้อห้ามก็คืออย่างไม้เซลฟี่ หรืออุปกรณ์ถ่ายภาพใด ๆ ที่เป็นลักษณะยาว ๆ ยื่น ๆ ภายในนี้จะไม่อนุญาตให้ใช้ครับ เพราะอาจไปกระทบไปโดนข้าวของได้ที่เหลือได้หมด…

…และอีกข้อปฏิบัติที่ควรพกเสมอเมื่อมาเที่ยวปารีสคือ “ห้ามประมาท” เพราะระหว่างที่เราเดินไปนั้นอาจจะมีมิจฉาชีพยอมลงทุนซื้อตั๋วเพื่อเข้ามาฉกมาล้วงกระเป๋าทรัพย์สินเราได้ .. โดยเจ้าหน้าที่ก็จะมีการประกาศเป็นระยะ ๆ เตือนนักท่องเที่ยวให้ระวังกัน… น่ากลัวดีนะครับ แม้แต่สถานที่แบบนี้โจรยังลงทุนทุ่มสร้างเข้ามาตีเนียนหวังได้อะไรกลับไป…

…ผมมาที่นี่ด้วยกัน 2 วัน.. วันแรกฟ้าใส อีกวันฝนตก .. ความรู้สึกพีค ๆ วันฟ้าใส พอวันที่ได้มาอีกรอบเจอฝนตกนี่ถึงกับเซ็ง เพราะนอกจากแสงจะไม่ส่องเข้ามาภายในตามห้องต่าง ๆ ให้เราได้ภาพสวย ๆ แล้ว .. บริเวณสวนสวยด้านนอกก็ฝนตกเดินไม่ได้เสียด้วย.. เดินในพระราชวังนี้ผมใส่เลนส์มุมกว้างตัวเดียวเลยครับ เก็บให้ครบทั้งคนทั้งบรรยากาศ และความงามแบบอลัง ๆ … และสำหรับคนที่อยากมาอย่าลืมนะครับมาช่วงเช้าช่วงสาย ถ้าแดดออกได้ฟ้าสวยกลับไปแน่นอน


• Cathédrale Notre-Dame de Paris •

“มหาวิหารน็อร์ท-ดามแห่งปารีส : Cathédrale Notre-Dame de Paris”

…กลับมาใจกลางเมืองปารีสอีกครั้งที่มหาวิหารน็อร์ท-ดาม.. ใครที่ชอบถ่ายภาพโบสถ์ ถ่ายวิหาร ผมว่าต้องชอบที่นี่แน่นอน .. ผมเองก็เป็นอีกหนึ่งคนที่ชอบมากกับสถาปัตยกรรมในรูปแบบนี้ วิหารสูงที่มีเหมือนหอคอยคู่โดดเด่นเป็นตระหง่านเห็นได้แต่ไกลนั้นดูโดดเด่นมาก ยิ่งเดินเข้าใกล้ยิ่งสัมผัสได้ถึงความยิ่งใหญ่อลังการ…

…บริเวณรอบ ๆ วิหารก็มีที่พื้นที่ที่เราสามารถเดินชมความงามรอบ ๆ ได้ แถมยังได้เดินชมวิวริมแม่น้ำแซนด้วยอีกต่างหาก.. ช่วงที่ผมได้มาวันนั้นถือว่าท้องฟ้าเป็นใจแบบสุด ๆ ได้ภาพวิหารสวย ๆ ได้ฟ้าได้เมฆติดมาด้วยอลังการขึ้นอีกเท่าตัว .. เดินเล่นแถวนี้เปลี่ยนเลนส์สนุกสนานเลย… …บริเวณหน้าวิหาร และรอบ ๆ ก็จะมีนักท่องเที่ยวเดินเล่นถ่ายรูปกันสนุกสนานเลยทั้งเด็กทั้งผู้ใหญ่ .. ลานกว้าง ๆ ที่มีผู้คนเดินไปเดินมาก็มีคนมาให้อาหารนกพิราบ นกที่ปารีสนี่เยอะดีนะครับ .. สังเกตได้จากตามถนนหนทางอีกอย่างที่มีร่องรอยขี้นกฝากไว้อยู่ตามพื้นถนน…

…โดยส่วนตัวแล้วผมค่อนข้างประทับใจกับวิหารน็อร์ท-ดามมาก เพราะด้วยบรรยากาศรอบ ๆ แล้วมันชิวล์มากดีจริง ๆ ข้าง ๆ โบสถ์เป็นริมแม่น้ำแซนมีมุมมสวย ๆ ให้เดินเล่นถ่ายรูปได้สนุก .. ตอนแรกก็เสียดายที่วันนั้นมีเวลาน้อยมาก พอกลับถึงที่พักต่อเนทเปิดหาดูภาพยิ่งเสียดายที่สุดเพราะเห็นภาพภายในวิหารแล้วงดงามมาก

…ส่วนช่วงเวลาที่มาที่นี่ผมว่ามาเดินเล่นตอนไหนก็ได้ครับ ลุ้นอย่างเดียวให้ได้ท้องฟ้าสวย ๆ รับรองฟินได้กับมหาวิหารน็อร์ท-ดามโบสถ์ที่ว่ากันว่าสวยงามที่สุดในลักษณะกอทิก(โกธิค)แบบฝรั่งเศสกันอย่างแน่นอน…


• Parisienne Walkways •

“Parisienne Walkways”

…อย่างที่บอกไปตอนข้างต้นกระทู้ว่าปารีสนั้นเป็นเมืองที่มีความสวยงาม และมีอะไรที่น่าสนใจอยู่มากมายซึ่งหลายต่อหลายคนที่ได้มาเยือนก็ถูกใจประทับใจกันไป แต่ก็มีที่ต้องเจอะกับเหตุการณ์ที่ไม่อยากให้เกิดขึ้นในการเดินทางไม่ว่าจะเป็นโดนล้วงกระเป๋า หรือถูกล้อมจากมิจฉาชีพ จนถึงเหตุการณ์ต่าง ๆ .. ซึ่งทางที่ดีผมว่าสิ่งที่เราทำได้ดีที่สุดก็คืออย่าประมาท หรืออย่าชะล่าใจ เช่น ช่วงที่เราเปลี่ยนเลนส์ หยิบสัมภาระอะไรต่าง ๆ เราอาจจะเผลอวางอะไรไว้หันกลับมาถ้ายังอยู่ก็ดีไป .. แม้อาจดูระแวงหลอนไปหน่อย แต่พอเราทำจนชินเราก็จะเปลี่ยนโหมดได้เองไปโดยออโต้ …

…ความสวยงามของปารีสนั้นนอกไปจากศิลปะ สถาปัตย์ต่าง ๆ ผมว่าตามท้องถนน ผังเมืองที่สร้างไว้ก็ดูสวยงามครับ เลนช่องทางการขับขี่ ถนนหนทางริมทางเดินก็เป็นระเบียบเรียบร้อยที่สำคัญคือความสะอาดที่ผมว่าสะอาดมาก ส่วนเรื่องขยะ เศษถุงอะไรยังไงก็ต้องมีบ้าง ซึ่งหากจะให้สะอาดหมดก็คงเป็นไปได้ยากกับเมืองที่นักท่องเที่ยวจากทั่วโลกเดินทางมากันมากขนาดนี้..


• Galeries Lafayette •

“ธรรมดาที่ไม่ธรรมดาจุดชมวิวชั้นดาดฟ้าห้างแกเลอรี่ ลาฟาแยต : Galeries Lafayette”..

…อันนี้เป็นอีกหนึ่งจุดที่เซอร์ไพรส์มาก ๆ สำหรับผมที่ไม่รู้มาก่อน .. คือสาเหตุที่เดินเข้ามาในนี้เพราะเห็นอากาศเริ่มครึ้ม ๆ มีทีท่าว่าฝนอาจตกได้ และเกรงว่าถ้าอยู่ริมถนนอาจจะซุ่มเสี่ยงทั้งไหนจะห่วงกล้อง กลัวฝน แล้วคนที่ต้องระวังอีก .. บวกกับได้ยินลูกค้าคุยกันก่อนหน้านี้ว่าดาดฟ้านี้มีจุดชมวิว ก็เลยได้ทีไหน ๆ จะหลบฝนละ ขอมาหลบในห้างนี่เลยละกัน …

…ทางเข้าประตูห้างจะมีหน่วยรักษาความปลอดภัยคุมเข้มแบบสุด ๆ เข้าใจว่าอาจเพราะเหตุการณ์ระทึกขวัญที่เพิ่งเกิดไปไม่กี่เดือนก่อนหน้านี้(ผมเดินทางมาช่วงเดือนกุมภาพันธ์) ก็ตรวจกันละเอียดครับยิ่งเราที่มีกระเป๋ากล้อง สัมภาระพะรุงพะรังด้วยแล้วก็ยิ่งตรวจหนักเข้าไปอีก.. แต่ก็ถือว่าดีเพื่อความปลอดภัยของทุกฝ่าย.. จากนั้นก็ขึ้นลิฟท์ และเดินขึ้นมาต่ออีกชั้นก็พบกับดาดฟ้า..

…วินาทีแรกที่ก้าวขึ้นมาแล้วเห็นความกว้างของทัศนียภาพด้านบนบอกได้เลยว่า “สวยมาก” .. นี่ขนาดฟ้าจะครึ้มฝนจะเทยังดูอลังการขนาดนี้.. ที่สำคัญเห็นหอไอเฟลอยู่ไกล ๆ ด้วย.. …แม้วิวที่เห็นตรงนั้นจะกว้างใหญ่ แต่เอาเข้าจริง ๆ ด้วยสภาพพื้นที่ที่ค่อนข้างจำกัดของตัวอาคารด้านบนก็ทำให้มีมุมถ่ายอยู่ไม่มากเท่าไหร่นัก.. เลนส์เทเลจึงถูกงัดออกมาเก็บรายละเอียดต่าง ๆ ที่อยู่ไกลออกไป รวมทั้งเก็บภาพบรรยากาศสบาย ๆ ของนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาชมวิวบนชั้นนี้ด้วย…

…ไอ้เราไม่มีอะไรต้องรีบพอช่วงฝนตกก็หลบเข้าด้านใน พอหยุดก็ออกมาใหม่ .. ยังดีว่าไม่ได้ตกกระหน่ำจนถ่ายภาพไม่ได้ .. อากาศหนาวเย็นตามสไตล์ช่วงเดือนกุมภาพันธ์ส่วนเรื่องลมไม่ต้องพูดถึงขึ้นมาสูงถึงขนาดตึก 7 ชั้น ลมนี่พัดต่อเนื่องเหมือนแจกแพคเกจอากาศหนาวแถมลมเข้าไปอีก…

…ตรงจุดดาดฟ้าห้างแกเลอรี่ ลาฟาแยตนี้ผมว่าถ้าใครมาเดินเล่นแถวโอเปร่าเฮ้าส์ หรือบริเวณนี้ ไหน ๆ มาแล้วก็แวะมาหน่อยก็ดีนะครับ.. แม้วิวอาจะไม่ได้สวยกระชากใจอะไรมาก แต่ฟิวล์ของนักท่องเที่ยวที่ขึ้นมาด้านบนพักผ่อนยืนชมวิว ผมว่าเราก็อาจได้ภาพแอคชั่นเจ๋ง ๆ กลับไปเช่นกัน.. ช่วงที่ผมขึ้นมานี้เป็นประมาณ 4 – 5 โมงเย็น .. ดวงอาทิตย์ตกด้านหน้าพอดีได้ย้อนแสงนิด ๆ ปรับค่ากล้องโหมดกล้องกันไปตามความชำนาญ มีเวลาแล้วภาพสวย ๆ ก็รอให้เราบันทึกอยู่แน่นอน…


• The Lourve Museum •

“จากพระราชวังเก่าแก่สู่พิพิธภัณฑ์ระดับโลก : The Lourve Museum”

…สถานที่ท่องเที่ยวที่ผมว่าต้องติดลิสท์ 1 ใน 3 เกือบแทบจะทุกคนที่มาปารีสกับพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ .. เดิมทีจากพระราชวังเก่าแก่ในสมัยอดีตจนกลายมาเป็นพิพิธภัณฑ์ในปี ค.ศ. 1793 .. หักออกกับปีปัจจุบัน 2016 ลูฟร์เป็นพิพิธภัณฑ์มาแล้วถึง 223 ปี .. สองศตวรรษกว่า ๆ การันตีความเก่า และคลาสสิคในด้านสถาปัตยกรรมได้เป็นอย่างดี…

…บริเวณภายนอกหากใครที่ไม่ต้องการเข้าชมพิพิธภัณฑ์ด้านในก็สามารถมาเดินเล่นได้ ซึ่งนักท่องเที่ยวจำนวนมากก็เลือกที่จะแค่มาเก็บภาพคู่กับปิรามิดกระจกแห่งนี้เป็นที่ระลึก แต่ก็มีอีกจำนวนมากที่ซื้อบัตรเข้าชมด้านในเพื่อเข้าชมผลงานศิลปะ งานปั้น งานวาดเขียน งานแกะสลัก สารพัดผลงานที่เป็นสมบัติของแต่ละยุคแต่ละสมัย… …หากเอาจริง ๆ แล้วถ้าจะเดินในพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ให้ครบ ๆ แบบทั่วถึงผมว่าต้องมีอย่างน้อย 5 ชั่วโมง .. ซึ่งแน่นอนครับว่าถ้าจะเอาครบขนาดนั้นคงต้องมีเวลามากพอ และนอกจากเวลาก็คือความชื่นชอบในศิลปะต่าง ๆ เหล่านี้ที่ทางพิพิธภัณฑ์ได้จัดแสดงไว้ตามโซนทั้งกรีก โรมัน และอียิปต์…

…ผมเองมาที่ลูฟร์ด้วยกันถึง 2 วัน แต่ได้เข้าด้านในเพียงวันเดียว ซึ่งมีเวลาเดินเพียงประมาณ 2 ชั่วโมง .. เมื่อซื้อตั๋วเสร็จเรียบร้อยแล้วก็จะได้รับแผ่นพับที่มีรายละเอียดต่าง ๆ ถึงชิ้นงานศิลปะที่ได้รับความนิยมว่ามีอะไรบ้างบวกกับแผนที่จากในแผ่นพับ เพราะถ้าไม่มีก็อาจเดินหลงได้ง่าย ๆ …

…ภายในเมื่อเดินลงมาแล้วก็จะมีแบ่งเป็นโซนให้เราเลือกตามความชอบว่าใครจะไปทางไหนก่อนหลัง ก็จัดวางให้ดี.. เท่าที่สังเกตนักท่องเที่ยวที่มานี่ก็ไม่ได้มีแค่ชาวยุโรปเท่านั้น แต่พวกชาวเอเชียอย่างเรา ๆ ก็มีมาเดินอยู่ไม่น้อย .. แต่ที่ดูอิน และชิวสุด ๆ ที่ผมเห็นก็คงเป็นพวกที่มาแล้วนั่งวาดรูปตามงานปั้น งานเขียน เอาเก้าอี้มาวางนั่งวาดกันแบบเป็นจริงเป็นจังเห็นแล้วก็รู้เลยว่าต้องใจรักแน่นอน…เพราะภายในนั้นศิลปะล้วน ๆ มาแทบทุกแขนงอย่างที่บอกไป…


• Mona Lisa and The Venus de Milo •

…ส่วนชิ้นที่ได้รับความสนใจต้องใช้คำว่าอย่างล้นหลามคงหนีไม่พ้นภาพของ “โมนาลิซ่า” และ “ประติมากรรมหินอ่อนแกะสลักรูปเทพีวีนัส” ต้องบอกว่าผลงานศิลปะสองชิ้นนี้นั้นได้รับความนิยมจริง ๆ .. ภายในพิพิธภัณฑ์นี่เราสามารถเอากล้องเข้ามาถ่ายได้นะครับ .. ตอนที่ผมเข้ามาวันที่ได้เข้ามาด้านในเสียดายว่าติดมาแต่เลนส์มุมกว้างอย่างเดียว ถ้ามีเทเลด้วยคงซูมภาพโมนาลิซ่าได้เต็ม ๆ กว่านี้ .. นี่ก็เลยได้แต่ถ่ายด้วยเลนส์วายด์แล้วมาครอปเอา… ทางที่ดีถ้าใครเข้ามาผมว่าเลนส์วายด์ตัว เทเลสักช่วงไม่เกิน 100 มม. ก็โอเคแล้วครับ .. เพราะไกลกว่านี้ก็ไม่รู้จะซูมอะไร…

…บางจังหวะกับผลงานศิลปะหลาย ๆ ชิ้นหากเป็นช่วงที่แสงส่องเข้ามาจากทางหน้าต่างเราก็จะได้ภาพงานศิลปะที่มีแสงเงาธรรมชาติส่องเข้ามายิ่งช่วยให้ภาพดูมีมิติ ดูมีความน่าสนใจมากขึ้น.. อย่างผมเข้ามาช่วงประมาณบ่ายสามแดดกำลังดีเลยครับ บางห้องนี่แสงส่องเข้ามาสวย ๆ เลย..

ป.ล. และที่สำคัญจงอย่าลืมนะครับระวังทรัพย์สิน และของมีค่าเสมอแม้ในนี้จะมีเจ้าหน้าที่ยืนอยู่ตามจุดต่าง ๆ ก็ตาม .. ห้ามชะล่าใจเด็ดขาด เพราะขนาดในโบรชัวร์แผ่นพับยังมีเขียนให้ระวังมิจฉาชีพแสดงว่าไม่ธรรมดาแน่นอน…


• Outside The Lourve Museum •

…ตัดกลับมาที่บริเวณด้านนอกพิพิธภัณฑ์ความสวยงามก็มีให้เราเห็นแบบชัด ๆ กับสถาปัตยกรรมตั้งแต่สมัยอดีตที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้.. แดดยามเย็นแสงสีทองจากทางฝั่งแม่น้ำแซน(Seine River)ที่อยู่ติดกับพิพิธภัณฑ์ด้านนอกออกไปก็เริ่มส่องแสงเข้ามากระทบตัวอาคาร สวยงามมากครับกับภาพสถาปัตยกรรมสีทองที่ตัดด้วยสีจัด ๆ จากท้องฟ้า..

…ผมว่ายามเย็นช่วงดวงอาทิตย์เริ่มคล้อยเราสามารถได้รูปสวย ๆ กลับไปได้ง่าย ๆ เลย… แต่อย่าให้ดวงอาทิตย์คล้อยเกินไปนะครับเพราะหากต่ำเกินไปตัวอาคารก็จะไม่โดนแสงเลย..

…ลืมบอกไปว่าพิพิธภัณฑ์ลูฟร์นั้นเปิดให้บริการทุกวัน ปิดวันเดียวคือวันอังคาร… ดังนั้นใครที่อยากได้ภาพโล่ง ๆ สักหน่อยก็มาวันอังคารน่าจะดีที่สุดสำหรับคนที่อยากได้ภาพเคลียร์ ๆ ผู้คนอาจจะมี แต่ก็บางตากว่าวันที่เปิดบริการแน่นอนแม้จะด้านนอกก็ตาม


• Twilight The Lourve •

…ตัดกลับมาที่บริเวณด้านนอกพิพิธภัณฑ์ความสวยงามก็มีให้เราเห็นแบบชัด ๆ กับสถาปัตยกรรมตั้งแต่สมัยอดีตที่ยังคงอยู่มาจนถึงปัจจุบันนี้.. แดดยามเย็นแสงสีทองจากทางฝั่งแม่น้ำแซน(Seine River)ที่อยู่ติดกับพิพิธภัณฑ์ด้านนอกออกไปก็เริ่มส่องแสงเข้ามากระทบตัวอาคาร สวยงามมากครับกับภาพสถาปัตยกรรมสีทองที่ตัดด้วยสีจัด ๆ จากท้องฟ้า..

…อย่างภาพช่วงหัวค่ำ 4 ใบนี้(จริง ๆ มีอีกเพียบแต่ไม่ได้นำมาโพสเกรงใจมันเยอะไป) ก็เป็นช่วงที่ผมมาวันอังคารที่พิพิธภัณฑ์นั้นปิดทำการพอดี .. ถามว่ามีคนมั้ย ก็มีครับ.. แถมพอโล่งก็จะมีพวกมาถ่ายพรีเวดดิ้งกันอีก บ้านเรายังไง บ้านเค้าก็ไม่ต่างกัน .. แต่ก็ดีตรงที่ว่าปริมาณคนเดินไปเดินมาก็น้อยกว่าวันให้บริการ…

…แบกขาตั้งกล้องเดินเที่ยวทุกวันเพิ่งจะได้ใช้งานก็ปาเข้าไปวันเกือบจะกลับอยู่แล้ว .. สุดท้ายก็ได้ใช้เอาวันนี้ .. ปิรามิดแก้วที่เป็นไฮไลท์ยืนเท่ ๆ หน้าพิพิธภัณฑ์ลูฟร์นั้นเหมือนมีมนต์สะกดเรียกให้ใครต่อใครต่างอยากเดินทางมาเห็นด้วยตาตัวเองสักครั้ง.. เลยทำให้ผมคิดย้อนไปตอนเด็กว่าเคยอ่านหนังสือวิทยาศาสตร์เค้าว่ากันว่ารูปทรงปิรามิดนี่แหละเป็นรูปทรงที่มีพลัง และมีอะไรที่มันเร้นลับมากกว่ารูปทรงอื่น ๆ .. จริงไม่จริงไม่รู้แต่อย่างน้อยปิรามิดที่อียิปต์ และปิรามิดอีกหลายแห่งทั่วทุกมุมโลกก็ยังล้วนเป็นเรื่องน่าพิสูจน์กันมาเสมอ ๆ …

…ช่วงที่ผมมาตรงกับกลางเดือนกุมภาพันธ์พอดี อากาศหนาวครับระหว่างวันก็ประมาณ 4-8 องศา .. ตกเย็นเท่านั้นแหละน่าจะเหลือประมาณ 2-4 องศา และแน่นอนครับแพคเกจลมหนาวจัดเต็ม ยืนอยู่ตรงลานโล่งด้านหน้าปิรามิดแก้วนี้แล้วบอกได้คำเดียวว่า “สะท้านทรวง” … ตัวพิพิธภัณฑ์ที่มีแสงไฟสีทองส่องอร่ามกับช่วงท้องฟ้าทไวไลท์ที่ขับสีน้ำเงินออกมาสวย ๆ มีเวลาเดินเล่นเลือกมุมได้สบาย ๆ เลย .. ยิ่งวันอังคารพิพิธภัณฑ์ปิดคนยิ่งบางตาเราก็ได้ภาพโล่ง ๆ กลับไปได้ง่าย ๆ เลย ..


• Tuileries Garden •

“พักตรงนี้ที่สวนสาธารณะตุยเลอรีส์ : Tuileries Garden”

…บริเวณพื้นที่ติดกันกับพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ยังมีอีกสถานที่หนึ่งที่มีความสวยงาม และความร่มรื่น ให้ผู้คนในเมืองและนักท่องเที่ยวได้ใช้เวลามาเดินเล่น พักผ่อน เดินชมความงามของสวนกันแบบเพลิน ๆ ช่วงเวลาที่ผมได้เดินเล่นวันนั้นคือตอนเย็น ๆ ต้องบอกว่ามีความสุขมาก ๆ เพราะโดยส่วนตัวผมจะเป็นคนชอบบรรยากาศของสวนสาธารณะอยู่แล้วยิ่งได้เจออากาศหนาว ๆ เย็น ๆ อย่างในช่วงที่มานี้ยิ่งเดินยิ่งรู้สึกลอยละล่อง…

…ทำไมผมถึงชอบบรรยากาศของสวนสาธารณะ… เพราะผมรู้สึกว่ามันเป็นศูนย์รวมของความสุข รอยยิ้ม การพักผ่อน การพบปะ และอะไรต่อมิอะไรที่ค่อนข้างเป็นไปทางบวกมากกว่าทางลบ.. และยิ่งการที่เราได้เห็นผู้คนรอบ ๆ เรามีกิจกรรมที่ต่าง ๆ กันออกไป .. ก็เหมือนทำให้เราเห็นโลกของคนอื่นในขณะที่เราก็อยู่บนโลกของเรา… …ความสุขของแต่ละคนนั้นทุกคนย่อมมีเหมือนกัน แต่ความสุขของแต่ละคนนั้นไม่เหมือนกัน .. เด็กบางคนอาจมีความสุขกับการได้วิ่งเล่น ในขณะที่เด็กอีกหลายคนอาจมีความสุขกับขนมห่อสักห่อ ของเล่นสักชิ้น.. ผู้ใหญ่เองก็คงเหมือนกัน บางคนซื้อนาฬิกาเรือนเป็นหมื่นเป็นแสนใส่ก็เพราะความชอบความสุข ในขณะที่หลายคนก็ขอแค่มีนาฬิกาใส่ให้ไว้ดูเวลา แล้วเก็บเงินหมื่นเงินแสนไปมีความสุขในแบบของตน…

…บรรยากาศภายในสวนสาธารณะตุยเลอรีส์เป็นลักษณะสวนโปร่ง ๆ ดูโล่งสบาย บริเวณตรงกลางสวนจะมีบ่อน้ำที่สร้างขึ้นเป็นจุดนั่งพักผ่อนชมวิวชิวกับลมที่พัดไปมา เหมาะกับการมานั่งเล่นปล่อยอารมณ์ทิ้ง ปล่อยลมหายใจให้โล่งออกไปแบบมีความสุข… …หลายคนนิยามปารีสกันว่าเป็นเมืองแห่งแฟชั่น เป็นเมืองแห่งความฟุ้งเฟ้อหรูหรา และก็มีที่บอกว่าเปรียบเสมือนเมืองแห่งความรัก.. สำหรับผมแล้วสองอย่างแรกก็คงไม่เถียงเพราะดูแล้วที่นี่จะดูหรูหรา เว่อร์วังอลังการไปตามแบบฉบับคำว่าปารีส .. แต่ถ้าในเรื่องของความรักผมว่าที่ไหนก็มีทั้งนั้น.. อยู่แค่เราจะรับรู้จะสัมผัสได้มากน้อยแค่ไหน..

…หลายสิ่งเราเห็นเราจับต้องได้เป็นรูปธรรมของความรัก แต่ก็มีที่ความรักสามารถสัมผัสได้ในแบบนามธรรม.. ตลอดช่วงเวลาชั่วโมงกว่า ๆ ผมเห็นความน่ารัก ๆ มากมายภายในสวนเหล่านี้ ทั้งความรักขอพ่อแม่ลูก ความรักของคนหนุ่มสาว วัยทำงาน หรือไปจนถึงวัยที่อยู่กินกันมาเกินคำว่ารักไปแล้ว..

…ยิ่งเดินยิ่งเห็นก็ยิ่งรู้สึกได้ถึงกลิ่นไอของความสุขภายในสวนตุยเลอรีส์มากขึ้นเรื่อย ๆ … …การเดินทางมาฝรั่งเศสหนนี้ของผมเป็นครั้งแรกที่ได้มาเยือนทวีปยุโรป คงไม่ต้องบอกว่าตื่นเต้น และดีใจแค่ไหนที่ได้ออกมาสู่โลกกว้าง ซึ่งแม้จะเป็นโลกที่ใคร ๆ เคยมาแล้ว แต่สำหรับผมนี่คือประสบการณ์ครั้งใหม่ที่ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็รู้สึกแปลกตา ไม่คุ้น ไม่ชิน แต่ดีมากครับ.. ต้องบอกว่าโชคดีมากที่ได้มาทำงานที่นี่ แม้จะแค่ช่วงระยะเวลาสั้น ๆ ไม่กี่วัน…

…มาเดินเล่นจริง ๆ แบบเบา ๆ สบายผมว่าเลนส์ตัวผมว่ากล้องตัว เลนส์นอร์มอลสักตัวก็น่าจะโอเค .. แต่สำหรับผมแบกมาครบเลยทั้งกว้างยันซูม .. ก็แบกไปหนักไปแต่ก็ยินยอม เพราะก็ได้ภาพมาหลากหลายแบบดี… ก่อนสุดท้ายเย็นวันนั้นผมทิ้งภาพของดวงอาทิตย์ยามเย็นไว้เป็นใบสุดท้ายของวัน และเก็บความสุขตรงนั้นกลับมาไว้ให้พอคิดถึงกับช่วงเวลาแห่งความสุขที่ได้ผ่านเลยไป…


• Seine River •

“บรรยากาศสุดคลาสสิคริมฝั่งลำน้ำแซน : Seine River”

…แม่น้ำแซน (Seine) หากเปรียบไปแล้วก็คล้ายกับแม่น้ำเจ้าพระยาที่กรุงเทพฯ บ้านเรา แม่น้ำสายนี้เป็นเอกลักษณ์อีกอย่างของเมืองปารีสเลยก็ว่าได้ ถ้าไม่นับสิ่งก่อสร้างอย่างหอไอเฟล หรือสถานที่ต่าง ๆ ผมว่าริมแม่น้ำแซนกับสถาปัตยกรรมที่เราสามารถพบเห็นได้ตลอดลำน้ำนั้นต้องบอกว่าลงตัวมาก..

…นักท่องเที่ยวแทบจะทุกรายที่มาปารีสยังไงซะผมว่าก็ต้องสละเวลามาเดินเล่นริมทางเดินแม่น้ำสายนี้ เพราะนอกจากเราจะได้เห็นทัศนียภาพริมคลองตลอดสองฟากฝั่งนี้ เราก็ยังได้เหมือนชื่นชมความสวยงามของสิ่งก่อสร้างอย่างอาคาร ห้างร้าน พิพิธภัณฑ์ สะพานเก่าแก่ และหลายต่อหลายอย่างที่จะสะกดให้เราหลงไปกับลำน้ำแซนแห่งนี้ …ช่วงเวลาที่เหมาะสมที่จะมาเดินเล่นริมน้ำแซนผมว่าว่างตอนไหนก็มาตอนนั้นได้เลย อาจแทรกจากโปรแกรมจากแผนเดินทางสักเล็กน้อยชั่วโมงสองชั่วโมงมาเดินเล่น ยิ่งถ้าแดดไม่ร้อนอากาศดี ๆ ด้วยแล้วจะเดินกันจนลืมเหนื่อยเลยว่าเดินกันไปไกลเท่าไหร่แล้ว…

…หรือถ้าใครจะอยากสัมผัสวิถีเมืองริมน้ำแซนคลาสสิค ๆ ในอีกรูปแบบหนึ่งก็คือการล่องเรือชม เหมือนบ้านเราที่ล่องเจ้าพระยายังไงยังงั้นเลยครับ แต่แม่น้ำแซนไม่กว้างใหญ่เท่าบ้านเรา … ใช้เวลาราว ๆ ประมาณ 40 นาที ไปและกลับ(ถ้าจำไม่ผิด) ก็เป็นอีกอรรถรสหนึ่งที่ต่างไปจากการเดินเท้าริมทาง.. สำหรับผมแล้วถ้าเลือกได้ก็เลือกทั้งสองอย่างเลยครับ .. เพราะผมเองก็ได้โอกาสล่องเรือด้วยถึง 2 วันด้วยกัน วันแรกฟ้าครึ้ม อีกวันฟ้าพอมีสีสันขึ้นมาหน่อย…

…แต่ถ้าจะให้เลือกสัมผัสบรรยากาศริมน้ำอย่างที่บอกไปถ้ามีสักชั่วโมงสองชั่วโมง.. เดินดีกว่าครับ เพราะเราจะเห็นอะไรละเอียดขึ้น มีเวลาหยุดพัก มีเวลายืนปล่อยอารมณ์ละมุนละไมได้แบบไม่ต้องรีบร้อนไปไหน… …ตั้งแต่เด็กจนโตมาป่านนี้เคยแต่เห็นรูปเห็นภาพจากในหนังสือในทีวีของความสวยงามจากเมืองปารีส แต่ก็ไม่เคยได้อยู่ในหัว และไม่เคยแม้แต่จะอยู่ในจุดหมายปลายทางความฝันของผมแม้แต่น้อย .. แต่ด้วยหน้าที่การงานโชคชะตาก็กลับพัดพาให้ผมได้มาที่นี่ .. ก็ถือว่าเป็นบุญวาสนาอยู่ไม่น้อย

…ดวงตะวันเริ่มคล้อยต่ำลงทุกที ผมเดินเลาะริมลำน้ำแซนฝั่งพิพิธภัณฑ์ลูฟร์ ผ่านสวนสาธารณะตุยเลอรีส์จนมาถึงแถว Concorde Bridge(สะพานคองคอร์ด) ใกล้กับลานประหาร Place de la Concorde ที่อยู่ติดกับสวนตุยเลอรีส์… เย็นวันนั้นลมหนาวทำให้มือผมชา ใบหน้าชา อุณหภูมิตอนนั้นหากให้เดาน่าจะอยู่ที่ประมาณ 2-3 องศา โดยมีความสุข และความชื่นใจเป็นเกราะป้องกันให้ยังทนเดินต่อไป ส่วนร่างกายนั้นปล่อยให้เป็นหน้าที่ของแจ๊คเก็ตหนัง ลองจอห์น และเสื้อยืดตามลำดับเป็นเครื่องช่วยให้ความอบอุ่นไม่ให้ร้าวรานไปกว่านี้… …ริมแม่น้ำแซนใครสะดวกมาตอนไหนก็ให้มาตอนนั้น แต่ถ้าอยากพิเศษกับบรรยากาศสักหน่อยอาจเลือกมาตอนเย็น ..เหตุผลที่แนะนำตอนเย็นนั้นนอกจากเราจะได้วิวตอนดวงตะวันคล้อยต่ำแล้ว … ผมว่าเราอาจจะได้สัมผัสความรู้สึกอะไรที่แปลกไป บรรยากาศของสถานที่ และสภาพอากาศอาจทำให้เราคิดถึงใครสักคนแล้วอมยิ้มเผลอมีรอยยิ้มอยากให้มาอยู่ข้างกัน หรือไม่แน่บรรยากาศนี้ก็อาจแทบจะฆ่าเราให้ตายได้เช่นกัน …

…บริเวณสะพานที่ผมหยุดยืนตรงนี้นอกจากจะเป็นทางสัญจรของรถ และผู้คน ก็เป็นที่หยุดพัก ยืนกินลมชมวิว เดินไปเดินมา ถ่ายรูปเล่นกันอิ่มชอุ่มชุ่มหัวใจกันไป ไม่ว่าจะเป็นเพื่อนฝูง คู่รัก หรือจะมาเหงา มาเฮฮาหัวเราะมอบรอยยิ้ม .. แน่นอนว่าหลากหลายอารมณ์บวกกับความสุนทรีย์ของยามเย็นนั้นน่าจะทำให้เรามีความสุขได้ไม่ยาก… …ดวงอาทิตย์ค่อย ๆ คล้อยต่ำลงทีละช้า ๆ อยู่ด้านหลังลำน้ำแซน มีภาพของหอไอเฟลที่เด่นตระหง่านประดับรวมอยู่ในเฟรมภาพเป็นภาพที่สวยงามยิ่งนัก…

…ดวงตะวันที่ส่องแสงสร้างความอบอุ่นมาตลอดวันถึงตอนนี้ค่อย ๆ คลายความร้อนแรงอ่อนลงไปเหมือนอย่างทุกวันที่ผ่านมา.. ผมยืนอยู่แต่บนราวสะพานเพื่อหาจังหวะดีดีของคู่รักนักท่องเที่ยวที่ผ่านไปผ่านมาแถวนั้นเพราะอยากได้ภาพหวาน ๆ โรแมนซ์ ๆ ติดไม้ติดมือกลับมาสักหน่อย..

…ยามเย็นนั้นแสงสวยอยู่แล้วปรับไวท์บาลานซ์อีกสักนิด ก็ช่วยให้โทนสี และอารมณ์ของภาพเปลี่ยนต่าง่กันไปได้ไม่น้อย.. หลายคนอาจจะไม่ชอบปรับเพราะจะค่อยมาปรับเอาทีหลังในคอม แต่ผมแล้วจะปรับ ณ ตอนนั้นเวลานั้นเลย ข้อดีคือเราอยากได้ภาพอารมณ์โทนประมาณไหน เราก็จะเห็นได้เลย ณ ตอนนั้น…

• Eiffel Tower •

“จากแท่งโลหะสู่ศิลปะแห่งสถาปัตยกรรมระดับโลก  : Eiffel Tower”…

…จากโครงเหล็กธรรมดา ๆ ที่เมื่อแรกเริ่มตอนก่อสร้างจะถูกคัดค้านไม่เห็นด้วยจากคนปารีสหลายต่อหลายกลุ่ม บ้างก็ว่าเอาเหล็กที่ไหนมาวางให้เกะกะเมืองที่สวยงาม บ้างก็ว่าสร้างมาแล้วจะทำลายทัศนียภาพรกหูรกตา หนักไปจนถึงกับบางคนไม่ขอเหยียบย่ำเข้าไปในพื้นที่ภายใต้โครงเหล็กนั้น.. แต่นั่นคือเรื่องราวของอดีต เมื่อวันเวลาเดินทางผ่านมาเรื่อย ๆ โครงเหล็กที่ถูกสร้างขึ้นในวันนั้นที่มีทั้งถูกใจ และไม่ถูกใจใครบางคน ในวันนี้ได้กลายเป็นอีกหนึ่งสถาปัตยกรรมของโลกที่ไม่น่าจะมีใครไม่รู้จัก…

…เห็นได้แม้อยู่ไกล ยิ่งเข้าใกล้ยิ่งสัมผัสได้ถึงความอลังการของหอคอยโลหะรูปทรงตัว A ชิ้นนี้.. ผมมีเวลามาเดินเล่นในตอนเย็นวันแรก เสียดายว่าฟ้าครึ้มฝนตกทำให้ไม่ได้กลับไปเท่าที่ควร.. แต่บรรยากาศโดยรวมรอบ ๆ บริเวณหอไอเฟลนั้นถือว่าน่าเดินเล่นมาก.. วันแรกที่ได้เห็นนั้นตื่นเต้นมากกับโลหะขนาดยักษ์เทียบความสูงได้ประมาณตึก 80 ชั้น จากฐานถึงยอดปลายสุด… เป็นที่รู้กันดีว่านี่คือสัญลักษณ์ของประเทศฝรั่งเศส และยังได้รับการขนานนามว่าเป็นหนึ่งในสิ่งก่อสร้างที่ติดอันดับโลกอีกด้วย… …หอไอเฟลเป็นผลงานการออกแบบของชายผู้เป็นทั้งวิศวกร และสถาปนิกชั้นนำของฝรั่งเศส “กุสตาฟ ไอเฟล” เริ่มสร้างเมื่อวันที่ 28 มกราคม ค.ศ. 1887 ใช้เวลา 2 ปีเสร็จสิ้นในวันที่ 15 มีนาคม ค.ศ. 1889 และเปิดตัวอย่างเป็นทางการในวันที่ 31 มีนาคม ค.ศ. 1889 .. ถ้านับจากวันนี้ที่โพส 4 เมษายน 2016 เท่ากับว่าเราเพิ่งผ่านวันครบรอบ 127 ปีไปแบบหมาด ๆ นี่เอง(อะไรจะบังเอิญขนาดนั้น)…

…ในภาพนี้จะเป็นทัศนียภาพโดยรวม ๆ จากจุดชมวิวชั้น 2 ของหอไอเฟลที่นักท่องเที่ยวสามารถซื้อตั๋วขึ้นลิฟท์เข้าชมได้ (หรือใครจะเดินก็ได้ แต่ก็ต้องซื้อตั๋วขึ้นชมเช่นกัน) .. โดยมากแล้วนักท่องเที่ยวส่วนใหญ่ก็จะขึ้นมาชมวิวกันที่ชั้น 2 นี่แหละครับ เพราะว่ากันว่าเป็นมุมที่ได้ตำแหน่งดีที่สุดหากจะมองเห็นทัศนียภาพรอบ ๆ … …ความสุขในการเดินทางไปไหนสักที่ ยิ่งเป็นที่ใหม่ ๆ คงไม่มีอะไรมากไปกว่าความแปลกตา ตื่นตาตื่นใจในสิ่งที่เราไม่เคยพบเห็นไม่ว่าจะเป็นอาคารบ้านเรือน สภาพแวดล้อมถนนหนทางต่าง ๆ ตลอดจนวิถีชีวิตผู้คนในบ้านนั้นเมืองนั้น.. ที่นี่เองก็เช่นกัน.. ขึ้นชื่อว่ายุโรปก็คงเป็นอีกหนึ่งความใฝ่ฝันของใครหลาย ๆ คนที่ปรารถนาแม้แค่เพียงสักครั้งที่จะได้มาเยือนเพื่อชื่นชมเฝ้ามองความสวยงามจากประเทศต่าง ๆ ในแถบภาคพื้นนี้…

…รอบ ๆ บริเวณหอไอเฟลด้านล่างนั้นเต็มไปด้วยเหล่านักท่องเที่ยวจำนวนมาก จะให้ตัวเองปลอดภัยก็ต้องอย่าประมาท.. ยิ่งคนเยอะยิ่งต้องระวัง.. ผมเดินเล่นอยู่นานพอสมควรมีพักไปหลายนาทีที่ปล่อยให้กล้องอยู่เฉย ๆ ขอแค่เดินสัมผัสบรรยากาศแบบเต็ม ๆ .. เมื่อเจอมุมไหนสวย ๆ ก็รอจังหวะของสิ่งที่จะผ่านเข้ามาในเฟรมภาพเพื่อช่วยให้ภาพถูกเติมเต็มด้วยเรื่องราวมากขึ้น… …ปิดท้ายการเดินทางอัลบั้มนี้ด้วยภาพของหอไอเฟลยามค่ำคืนที่ผมได้เก็บภาพมาจากมุมต่าง ๆ รอบ ๆ หอไอเฟล.. มีบ้างที่ยังทันช่วงท้องฟ้าสวย ๆ เข้ม ๆ สีน้ำเงิน แต่บางคืนหลังจากหมดหน้าที่การงานแล้วกว่าจะเดินมาท้องฟ้าก็มืดดำไปเสียก่อน…

… “ปารีส” ของผมกับ 9 วันที่ผ่านมาผมให้นิยามได้แบบไม่ต้องคิดตามชื่อกระทู้ที่ตั้งได้เลยว่า “ปารีส…สวยประหาร” .. เพราะผมว่าเป็นเมืองที่จะทำให้เราลุ่มหลงไปกับศิลปะวัฒนธรรม สภาพแวดล้อมสิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่จะสะกดเราให้ยืนมองจ้องได้เป็นนาน ๆ … เมืองที่จะทำให้เราเพลิดเพลินไปกับทัศนียภาพตามถนนหนทางที่ออกแบบวางผังเมืองไว้อย่างเป็นระเบียบ .. เมืองที่คู่รักหลายร้อยล้านคู่เลือกมาขอแต่งงานกันที่นี่ .. เมืองที่อบอวลไปด้วยความโรแมนติก และในทางกลับกันที่นี่ผมว่าก็ยังเหมือนดอกกุหลาบที่มีหนามคมอยู่รอบตัว .. หากเราประมาทไม่ระวังก็อาจเจ็บตัว หรือหากชะล่าใจก็อาจเผลอไผลไปกับหนามที่พร้อมจะทำร้ายเราได้ทุกเมื่อ ที่บอกแบบนี้ก็เพราะเรื่องของมิจฉาชีพเรื่องนี้ผมเน้นสุด ๆ เลยเพราะก่อนมาก็ได้ยินมาเยอะ จนรอบนี้ได้มาเองลูกค้าก็โดนเหล่าพวกมิจฉาชีพนี่ขโมยกระเป๋าตังค์ไปได้เหมือนกัน.. ซึ่งไอ้ความน่ากลัวในความสวยงามนี่แหละที่ทำให้หลายคนอาจกลัวปารีส หลายคนอาจตกหลุมรัก หลายคนอาจอยากมา และหลายคนก็อาจเฉย ๆ ..

…สุดท้ายแล้วปารีสจะเป็นอย่างไรก็จะเป็นเหมือนอย่างที่เคยมา.. เพราะไม่ว่าเวลาจะผ่านไปนานเท่าไหร่ “มหานครปารีส” ก็ยังเป็นเมืองยอดนิยมติดอันดับโลกที่เป็นจุดมุ่งหมายการเดินทาง และเป็นที่เฝ้าใฝ่ฝันปรารถนาของใครต่อใครอีกหลายคน ที่ยังคงรอคอยการมาเยือนของนักท่องเที่ยวนักเดินทางไปอีกนานแสนนาน…

https://www.facebook.com/ForzanuFoto/

❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤

Facebook Comments
Please follow and like us:
20