… ♪ ถ้านาน ๆ ให้หวานที .. ♫ คงหวานคงแหววดี .. ♪.. วันนี้จึงมาขอรีวิวโรงแรมใกล้บ้านสักหน่อยเพราะเกิดจากความประทับใจส่วนตัว สาเหตุ และเหตุผลมีข้อเดียวเลยครับที่ทำให้ได้มานอนที่นี่ คือผมหนีเที่ยวบ่อย ไปนั่นไปนี่ตลอดทั้งต่างจังหวัด ต่างประเทศ แล้วเวลาไปสาวเจ้าข้างกายก็แทบจะไม่เคยได้ไปด้วยเลย .. ซึ่งจังหวะว่าผมก็เหมือนเดิมที่ต้องเดินทางไปถ่ายงานที่ไต้หวัน แต่วันที่เดินทางไปดันมาชนกับ “วันครบรอบแต่งงานปีที่ 1” พอดีเป๊ะ .. เมื่อสาวเจ้ารู้ดังนี้ก็เกิดอาการงอนครับ .. ผมเลยต้องไถ่โทษด้วยการพาเธอเปลี่ยนบรรยากาศพร้อมหาสถานที่มาเอาใจเธอหน่อย จะได้เดินทางไปทำงานได้อย่างสบายใจขึ้น.. จึงเลือกที่จะมาฉลองวันครบรอบล่วงหน้ากันที่โรงแรมแถวบ้านผม ซึ่งอยู่ห่างจากบ้านผมไปแค่สถานีรถไฟฟ้าป้ายเดียวเท่านั้น … เพื่อเปลี่ยนวันหยุดสุดสัปดาห์ธรรมดา ๆ ให้เป็นวันพิเศษโดยแบกกระเป๋ากันไปคนละใบนั่งรถไฟฟ้าไปลงที่ปลายทางสุรศักดิ์ .. กับโรงแรม “Eastin Grand Hotel Sathorn Bangkok” ซึ่งเป็นโรงแรมที่ผมว่าไปง่ายมาก ๆ แค่ลงสถานี BTS สุรศักดิ์ก็จะมีทางเชื่อมเดินเข้าโรงแรมได้เลย .. ถ้าใครไม่เจอแสดงว่าลงผิดสถานีแน่นอนครับ…
…โดยห้องพักที่เราได้เลือกไว้ก็คือห้อง Executive Deluxe ครับ (จัดเต็มกันหน่อยกับวันสำคัญอย่างนี้จริง ๆ เขินจุง 5555) ดังนั้นนาน ๆ ทีจึงขอสักหน่อย โดยราคาจองผ่านเวป Agoda ห้อง Executive Deluxe นั้นอยู่ที่ประมาณ 7 พันกว่าบาทกับราคาห้องนี้ .. ก็ยอมรับครับว่าราคาสูงพอสมควรแต่เมื่อเทียบกับสิ่งที่โรงแรมตอบแทนให้นั้นก็ถือว่าโอเคเลยครับ (จะบรรยายว่าคุ้มยังไงในช่วงต่อ ๆ ไปครับ)
…Eastin Grand Hotel Sathorn นั้นอยู่ติดกับรถไฟฟ้าสถานีสุรศักดิ์เลยครับอย่างที่บอกไป เมื่อมาถึงก็แจ้งพนักงานที่ล๊อบบี้ชั้นล่างสุดก่อนเลย จากนั้นก็ต้องไปเช็คอินที่ชั้น 32 เพราะพิเศษไว้สำหรับผู้ที่มาพักห้อง Executive Deluxe … ขึ้นลิฟท์ไปเรียบร้อยก็พบพนักงานเช็คอินเสร็จสรรพก็เข้าสู่ห้องพักก่อนเลย…
…ห้องที่เราพักอยู่ที่ชั้น 20 ครับ โดยคีย์การ์ดที่ได้มาก็จะสามารถไปได้แค่ชั้นที่เราพัก และชั้นพิเศษอย่างชั้น 32 ที่มี Executive Lounge ที่เป็นสิทธิพิเศษสำหรับห้องที่เราเลือก .. ซึ่งชั้นอื่นที่เป็นห้องพักเรากดลิฟท์ไม่ได้ครับเพื่อความปลอดภัย แต่ถ้าเป็นพื้นที่สาธารณะส่วนกลางอย่างสระว่ายน้ำชั้น 14 ห้องอาหารที่ชั้น 5 ชั้น 3 พวกนี้ไปได้หมด…
…เมื่อเข้ามาในห้องก็ใหญ่โตสมราคาครับ ห้องใหญ่ ทีวีก็ใหญ่ แถมมีมุมนั่งทำงานอยู่ด้านในสุดของห้องด้วย แม้ผมจะไม่ได้เอางานมาทำเพราะมาแค่คืนเดียว แต่เท่าที่เห็นจากโต๊ะก็รู้สึกว่าครบครันมากกับช่องเสียบสายไฟต่าง ๆ ทั้งสายแลน ช่องเสียบ USB ช่องต่อ HDMI เรียกว่าถ้าเอางานมาคงไม่ได้ทำแน่ ๆ 5555
…ทีวีก็มีให้ดูหลายช่องครับ ช่องไทยเราอย่าง 3 5 7 9 thaipbs มีครบ .. หรือช่องดิจิตอลอย่าง workpoint tv, thairath hd, pptv hd ก็มีรวมไปถึงช่องหนัง fox movies และช่องกีฬาใครที่เป็นคอฟุตบอลพรีเมียร์ลีกก็ยังมี CTH6 ให้ดูอยู่ช่องนึงครับ .. เข้าทางผมเลย…
…มาต่อในส่วนของห้องน้ำสุดวาบหวิวด้วยกระจกใส แต่ก็มีม่านปิดให้ ..ที่ผมชอบก็คือมันดูโปร่งโล่งสบายเกินกว่าจะน่าเป็นห้องน้ำครับ ด้วยสีขาวที่ใช้ และตัวกระจกใส ตรงห้องอาบน้ำแม้จะไม่มีม่านปิดแต่ก็เป็นกระจกขาวขุ่นอุ่นใจแน่นอน .. แล้วสิ่งที่ขาดไม่ได้ก็คืออ่างน้ำไว้นอนแช่ทำชิวล์ ดึก ๆ ลงไปนอนแล้วเปิดม่านให้เห็นแสงไฟจากตึกด้านนอกก็เก๋ดีไม่น้อย .. ส่วนตัวผมเองไม่ได้แช่หรอกครับ คุณแฟนแช่ผมดูบอล สวีทมาก (ฮา….) แต่ที่แอบเสียใจเล็กน้อยด้วยเหตุผลส่วนตัวของผมเองก็คือที่ชักโครกไม่มีสายชำระ T_T อันนี้เศร้าใจ แต่ก็เข้าใจได้ครับเพื่อความไม่เลอะเทอะเปรอะเปียก .. แต่โดยรวมก็ถือว่าประทับใจครับ
ป.ล. ผลิตภัณฑ์อาบน้ำยาสระผม และสบู่เหลวกลิ่นหอมมาก .. เอากลับบ้านเป็นที่ระลึกเรียบร้อย.. ^^
…จากนั้นก็มาในส่วนของชั้นที่ 14 ซึ่งเป็นชั้นของสระว่ายน้ำ ห้องออกกำลังกาย(ฟิตเนส) และห้องอาหาร Luce .. ทันทีที่เปิดลิฟท์ออกแล้วเดินมาสิ่งแรกที่รู้สึกคือเหมือนมาอยู่อีกโลกหนึ่ง เพราะมองไปด้านนอกก็เห็นสระว่ายน้ำ และตึกสูง ๆ มันแปลกตาดีจากอะไรเดิม ๆ ที่เห็นบ่อย ๆ … สระว่ายน้ำเป็นแนวยาวครับว่ายฟรีสไตล์ซ้อมไปโอลิมปิคได้เบา ๆ แต่ก็ไม่มีใครว่ายหักโหมขนาดนั้นหรอกครับ .. ส่วนใหญ่แขกที่ลงไปก็โผไปโผมา ยืนแช่น้ำ ถ่ายรูป ชมวิว .. ผมว่าชิวล์ดีมาก ๆ เลย แม้วิวทิวทัศน์ที่เห็นทั้งหมดก็คือตึกอาคารต่าง ๆ ก็เข้าใจได้เพราะเป็นใจกลางเมือง คนที่มาพักก็ต้องรู้กันอยู่แล้ว… ก็พักผ่อนแช่น้ำกันไป
…เขยิบจากขอบสระเข้ามานิดนึงก็เป็นที่นั่งพัก นั่งเล่น ใครจะสั่งเครื่องดื่มอาหารก็สั่งมาทานตรงนี้ได้เช่นกัน .. ที่ผมว่าโดดเด่นสำหรับบริเวณนี้ก็คือตัวโซฟาริมสระที่เป็นโครงไม้โค้ง ๆ นี่แหละครับ เท่ดี เหมือนรังนกเลย …
…มาต่อกันที่อีกมุมหนึ่งของชั้น 14 (ยังไม่ไปไหน) ก็คือห้องอาหาร Luce ที่เปิดให้บริการตั้งแต่ 12.00 – 14.30 น. ในช่วงกลางวัน และ 18.00 – 22.30 น. ในรอบดึก ..โดยมีส่วนของบาร์ และเล้านจ์เปิดจนถึงประมาณตี 1 น่าจะได้.. เรียกว่าเป็นชั้นแห่งความสุข และการผ่อนคลายจริง ๆ
…จากนั้นก็ขึ้นมายังชั้น 32 เพื่อมาที่ Executive Lounge ซึ่งชั้นนี้แหละครับที่คือสิทธิพิเศษสำหรับผู้ที่เข้าพักห้อง Executive Deluxe ที่จะสามารถมาใช้บริการได้ (ไม่แน่ใจว่าต้องจองห้องไหนถึงได้ใช้บริการนี้ได้ด้วย) .. โดยสิทธิพิเศษอันดับแรกเลยก็คือที่ Executive Lounge นั้นจะมีเครื่องดื่มทั้งชา กาแฟ น้ำอัดลมรวมทั้งขนมทานเล่นที่เราสามารถมาทาน หรือนั่งเล่นได้ตลอดทั้งวัน (แต่ไม่มีเครื่องดื่มที่มีแอลกอฮอล์นะครับ) ..
…ส่วนสิทธิพิเศษถัดมาที่มากขึ้นไปอีกก็คือชั่วโมงแห่งความสุข Happy Hours ที่เรารู้จักกันดีนั่นแหละครับ โดยจะเป็นเวลาตั้งแต่ 17.30 – 19.30 น. ที่มีบริการเครื่องดื่ม(คราวนี้แอลกอฮอล์มีแล้ว) เบียร์, ค๊อกเทล, ไวน์ ให้เราได้ลิ้มชิมรส รวมไปถึงขนม และอาหารต่าง ๆ ที่จะว่าไปแล้วก็ทำให้อิ่มได้เหมือนกัน ดูจากในภาพได้เลยครับว่ามีอะไรบ้าง แต่ที่เห็นนั้นถ่ายมาไม่หมดครับ.. ยังมีอีกเยอะ
…ผมว่าตรงนี้ก็ดีที่ทำให้ลูกค้ารู้สึกว่าค่าห้องที่เราเลือกพักไว้นั้นมีสิทธิพิเศษให้ เรียกว่าก็ได้ใจลูกค้าไปเลย(อย่างน้อยก็คู่ของผมนี่แหละ) .. ว่าแล้วก็นั่งแช่ยาวจนถึง 19.30 น. ฉลองกันไปคนละแก้วสองแก้ว นั่งเพลินไปเรื่อยก่อนจะกลับเข้าห้องพัก .. ก็เป็นค่ำคืนที่ผ่านไปแบบชิวล์ ๆ ในวันพิเศษอีกหนึ่งวันของเรา…
…แล้วก็ปิดท้ายความพิเศษแบบไฮไลท์เด็ดด้วยมื้อกลางวันแบบจัดเต็มวันสุดท้ายของสัปดาห์วันอาทิตย์กับ “Grand Weekend Buffet” ซึ่งสำหรับวันอาทิตย์ตัวบุฟเฟ่ต์นี้จะเปิดตั้งแต่ประมาณ 12.00 ไปจนถึงประมาณบ่าย 2 โมงครึ่ง ส่วนค่าอาหารก็ตกอยู่ที่คนละ 1,750.- ซึ่งให้บริการอยู่ที่ The Glass House ชั้น 5 ใครที่จองไว้มาถึงก็แจ้งชื่อได้เลย (ส่วนใหญ่จะเป็นลูกค้าที่จองไว้ล่วงหน้า) ภายในกว้างขวางเดินสบายมีที่นั่งแบ่งเป็นโซน ๆ ไม่เบียดกันมากจนเกินไปดีครับ…
…ส่วนอาหารนั้นไม่ต้องพูดถึงว่ามากน้อยเพียงไร ดูเอาจากรูปที่ผมถ่ายมานี่แค่ประมาณ 30% จากทั้งหมด ซึ่งจะบอกว่าเยอะมากแล้วก็หลากหลายแนวอย่างที่เห็นในภาพทั้งอาหารทะเล ปู หอย กุ้ง อาหารญี่ปุ่นข้าวปั้นต่าง ๆ อาหารไทยอย่างลาบ ส้มตำ ของทอดต่าง ๆ อาหารจีน และอีกสารพัดบรรยายไม่หมดจริง ๆ รวมสรุปได้สั้น ๆ ว่า นานาชาติมาครบเลย .. ทั้งยังมีอาหารตามสั่งที่มีพ่อครัวยืนทำให้พร้อมเสิร์ฟกันแบบร้อน ๆ หรือจะเป็นของหวานอย่าง เค๊ก ไอศครีม ช๊อกโกแลต เครป และผลไม้ต่าง ๆ .. คือเยอะจริง ๆ ครับไม่คิดว่าจะเยอะขนาดนี้ … นั่งกินก็ไม่ต้องรีบครับค่อย ๆ ไปเรื่อย ๆ ช้า ๆ ถ้าดูจากราคาอาจมองว่าสูง แต่พอมาเห็นอาหาร และรสชาติ รวมไปถึงคุณภาพของอาหารที่คัดมาอย่างดีบอกได้คำเดียวว่า “คุ้มมาก” …
…และสุดท้ายก็ผ่านพ้นไปกับวันพิเศษของผมกับคุณเธอ เป็นอีกหนึ่งวันพักผ่อนที่ใกล้บ้านมาก แต่ก็ได้บรรยากาศไปอีกแบบ .. ประทับใจกันไปสำหรับเราสองคน …
…สำหรับเพื่อน ๆ คนไหนที่สนใจรายละเอียดต่าง ๆ ลองเข้าดูข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่เวปไซท์ของโรงแรมตามนี้ได้เลยครับ http://www.eastinhotelsresidences.com/eastinghsathornbangkok ส่วนรีวิวที่ผมเขียนไปทั้งหมดนี้เป็นแค่แบบคร่าว ๆ ให้พอเห็นภาพรวม ๆ ที่เหลือลองหาโอกาสมาที่นี่กันดูครับ .. ถ้าไม่เข้าพัก จะแค่แวะมาทานบุฟเฟ่ต์สุดสัปดาห์ Grand Weekend Buffet ก็ได้ … ที่สำคัญล้างท้องมาให้เรียบร้อยก่อนนะครับเพื่อความเต็มอิ่มในการเผชิญหน้ากับบุฟเฟ่ต์ของที่นี่.. Eastin Grand Hotel Sathorn…
