…Rain Tree Residence เขาใหญ่ .. ที่พักสไตล์บูติกแนบชิดธรรมชาติ
…เมื่อเอ่ยชื่อสถานที่ท่องเที่ยวที่เรียกว่าเอาแบบใกล้ ๆ กรุงเทพฯ ที่เดินทางขับรถ 2-3 ชั่วโมงสะดวก ๆ นั้นก็พอมีหลายที่อยู่จะทั้งทะเลแถบชลบุรี ระยอง หรือเป็นแนวเขียว ๆ อย่างกาญจนบุรี ราชบุรี ก็ยังคงเป็นที่ถูกใจของใครหลายคนอยู่ ซึ่งที่ “เขาใหญ่” เองก็เช่นกันที่ไม่ว่าจะผ่านมากี่ปี ๆ เมืองโคราชนี้ก็ยังคงเป็นเหมือนตากอากาศอันดับต้น ๆ ของใครหลาย ๆ คนอยู่เสมอ…
…และในอัลบั้มนี้ผมก็ขอนำเสนอหนึ่งที่พักที่ผมได้มีโอกาสไปนอนกลิ้งนอนเล่นมา 2 วัน 1 คืน สบาย ๆ ที่อยู่ในแถบบริเวณ ต.พญาเย็น อ.ปากช่อง มาฝากเพื่อน ๆ กันกับที่ “Rain Tree Residence” ซึ่งภายในบริเวณที่พักเรนทรีนั้นก็ยังมีอีกโซนหนึ่งที่ผมว่าเจ๋งก็คือ “Go Genius Learning Center” ซึ่งสถานที่แบบนี้ผมเองว่าไม่ค่อยได้เห็นเท่าไหร่นักในบ้านเราก็คือที่สำหรับเด็ก ๆ เยาวชนไว้เล่น ไว้ทำกิจกรรม ซึ่งจะหน้าตาเป็นอย่างไร มีอะไรน่าสนใจบ้างทั้งในส่วนของศูนย์การเรียนรู้ Go Genius และที่พัก Rain Tree นั้นเราไปเที่ยวพร้อม ๆ กันเลยครับ
…ชมกันสบาย ๆ นะครับ ติดไว้เก็บไว้เป็นข้อมูล เผื่อวันใดอากาศดี โอกาสดีอาจเป็นประโยชน์สำหรับผู้ที่จะเดินทางไปจ้า
…เริ่มต้นเส้นทาง
- จากกรุงเทพฯ มุ่งหน้าสู่ ถ.มิตรภาพ เส้นทางไป จ.นครราชสีมา ใครที่เคยเดินทางมาเขาใหญ่คงคุ้นเคยกันดี ส่วนใครไม่เคยมาให้ยึดหลักพิกัดแรกคือ “แดรี่โฮม ถ.มิตรภาพ” ไว้ก่อนก็ได้ครับ
- เมื่อมาตามถนนเราก็จะกลับรถบริเวณเลยแดรี่โฮมฝั่งขวาไปหน่อย (เลยไปสักประมาณ 2 กิโลเมตรจะมีปั๊ม ปตท. อยู่ฝั่งซ้าย และขวาให้กลับรถตรงนี้)
- จากนั้นพอกลับรถแล้วก็ให้เลี้ยวซ้ายตรงปากซอยที่มีร้านแดรี่โฮม ซึ่งเส้นนี้จะพาเราไปทาง อช.เขาใหญ่ได้ด้วยเช่นกัน
- แล้วเข้ากูเกิ้ลค้นหาว่า “Rain Tree Residence” แล้วมาตามทางได้เลย .. (หรือจะเซฟแผนที่ในภาพแรกไว้ดูประกอบก็ได้ครับ)
…เมื่อเดินทางมาถึงเราจะเห็นป้าย Go Genius Center ก่อนแล้วจะค่อยเป็น Rain Tree Residence เลี้ยวรถเข้าจอด เดินเข้าล๊อบบี้เช็คอินตรงนี้ได้เลย .. ภายในก็เป็นลักษณะเหมือนบ้านในหนังที่หลังจะใหญ่ ๆ มีประดับตกแต่งด้วยไม้สัก และเครื่องประดับต่าง ๆ สไตล์ที่เจ้าของชื่นชอบ ก็จะมาติดมาวางไว้ตามมุมต่าง ๆ ตรงนี้ถ่ายรูปเล่นได้สบาย
…จากนั้นก็รับกุญแจห้อง พร้อม Welcome Drink น้ำตะไคร้ชื่นฉ่ำหัวใจ จะสังเกตได้ว่าเดี๋ยวนี้เวลาได้น้ำตะไคร้มา หลอดที่ใช้ดื่มก็จะเป็นหลอดจากต้นตะไคร้เลยเพื่อความสวยงาม และแลดูธรรมชาติ ๆ ดี.. นั่งพักกันอีกสักครู่เข้าห้องน้ำล้างหน้าล้างตาสักเล็กน้อย ก็ขอฝากกระเป๋าไว้ที่ล๊อบบี้สักพัก เพราะลำดับแรกเราจะไปสำรวจบริเวณต่าง ๆ กันก่อน
…จากภาพแรกด้านล่างนี้จะเห็นอาคารสีขาวซึ่งก็คืออาคารที่พักที่เราได้นอนกัน แต่อย่างที่บอกไปว่าตอนนี้เรามาเดินโฉบดูบรรยากาศภายในที่พักกันก่อน ก็ห้อมล้อมไปด้วยสีเขียว ๆ ธรรมชาติแน่นขนัดอยู่รอบ 360 องศาเลยก็ว่าได้ จะมีบ่อปลาคาร์ปมีต้นไม้ยืนต้นหลากหลายสายพันธุ์ปลูกทั่วเต็มไปหมด บอกได้คำเดียวว่าร่มรื่นมาก ๆ
…ใครที่ชอบที่พักที่มีบริเวณให้เดินเล่น บวกกับพื้นที่สีเขียวผมว่าที่นี่น่าจะถูกโฉลกได้ไม่ยาก เพราะต้นไม้ใหญ่ที่แผ่กิ่งก้านใบนั้นมีอยู่ทั่วทุกบริเวณเลย
…บริเวณบ่อปลาคาร์ปก็มีมุมสงบ ๆ ไว้ให้นั่งเล่น อ่านหนังสือ หรือจะมามองปลาคาร์ปว่ายเล่นไปมา สำหรับผู้ใหญ่อาจดูไม่มีอะไร แต่สำหรับเด็ก ๆ ผมว่าน่าจะเพลิน เพราะภายในบริเวณก็จะมีมุมให้เดินเล่นวิ่งเล่น ถ่ายรูปเล่นได้สบาย
…ก็เดินเล่นไปเรื่อยครับจากบริเวณอาคารพักในโซน Residence เราก็จะเดินเพื่อไปยังอาคารที่พัก Zone B ซึ่งจะมีห้องพักด้วยกันทั้งหมด 7 ห้อง บวกกับพื้นที่โซนนี้ที่สามารถมานั่งเล่นกลิ้งเล่นได้กันแบบโล่ง ๆ สบาย บนผืนหญ้าเทียมเลย จะเป็นอย่างไรแล้วตามมาเรื่อย ๆ เลยครับ
…บริเวณแรกที่เราได้เดินมาโซนนี้คือบริเวณห้องพัก 8-14 โดยชื่อห้องพักก็จะมาจากชื่อของนักเขียนต่าง ๆ และห้องก็เป็นเกี่ยวกับนิยายการ์ตูนที่นำมาใช้เป็นชื่อห้องด้วยเช่นกัน .. ส่วนพื้นที่บริเวณนี้ตรงทางเดินก็จะเป็นหญ้าเทียมที่สามารถมาเดินเล่น นั่งเล่น นอนเล่น หรือแม้แต่กระทั่งกลิ้งเล่นผมก็กลิ้งมาแล้วครับ (เพราะทางมันโค้ง ๆ มีสูงมีต่ำกลิ้งเล่นได้เบา ๆ)
…ตัวอาคารจะเห็นว่ามี 2 ชั้น เป็นลักษณะโปร่ง ๆ ห้องพักเท่าที่ดูบริเวณนี้จะเข้าพักได้หลายคน เหมาะกับผู้ที่มากันเยอะ ๆ ซึ่งโดยมากบริเวณนี้ก็จะเป็นเด็กนักเรียน หรือกลุ่มที่มาทำกิจกรรมกันก็จะมาพักตรงนี้ได้ด้วย
…ยกตัวอย่างห้องนี้ครับ “Harry Potter” ภายในจะเป็นเตียงนอนแถวยาว 2 ฝั่งซ้ายขวา ฝั่งนึงก็ประมาณ 11 คน เรียกว่ารวมทั้งห้องก็พอดีครับ ทีมฟุตบอล 2 ทีม นอนกันได้พอดีเตียงใครเตียงมัน.. ดูไปดูมาก็เหมือนกับมาเข้าค่ายลูกเสือตอนเด็ก ๆ เลย
…ส่วนภายในห้องก็จะมีตกแต่งให้เข้ากับบรรยากาศของห้องสักหน่อย อย่างห้องนี้ Harry Potter ในห้องนอนก็จะประดับด้วยป้ายสัญลักษณ์ และภาพต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับพ่อมดน้อยแฮร์รี่ .. พร้อมกับนอกห้องก็ยังมีพื้นที่ให้นั่งเล่นดูทีวี กินขนม ได้สะดวก ๆ อีกด้วย
…จากโซน B บริเวณต่อเนื่องกันอีกนิดก็จะเป็นที่ให้เด็ก ๆ (หรือผู้ใหญ่บางคน)ได้มาลองเล่นกับอุปกรณ์ทางวิทยาศาสตร์กันเล็กน้อย เพื่อให้เห็นภาพก็ต้องทดลองกันจริง ๆ ให้ตรงคอนเซปท์ของที่นี่ที่เป็นศูนย์การเรียนรู้อยู่แล้วเริ่มต้นเบา ๆ กับ “จักรยานเติมอากาศ : Clean Energy Bicycle” ที่อธิบายถึงการปั่นจักรยานที่มีระบบส่งพลังงานผ่านเฟืองต่อไปยังกังหันน้ำในบ่อ โดยเมื่อเราปั่นแรงก็จะเกิดก็จะทำให้กังหันหมุนวิดน้ำแตกเป็นกระเซ็นเหนือผิวน้ำ ทำให้น้ำสัมผัสกับอากาศ และมีปริมาณออกซิเจนที่ละลายอยู่ในน้ำมากขึ้น .. ดังนั้นเมื่อละอองน้ำที่มีออกซิเจนอยู่มากตกลงในบ่อน้ำ ก็จะทำให้แหล่งนี้มีออกซิเจนมากขึ้น และมีคุณภาพดีขึ้น.. ยาวเลยยยย
…ส่วนอีกอันที่เท่ และล้ำสมองมากสำหรับ “เกลียวอาร์คิมีดีส : The Archimedes’ Screw” ที่ทำให้น้ำสามารถไหลย้อนกลับขึ้นมาด้านบนได้ ซึ่งประโยชน์ของระหัดวิดน้ำนี้ก็คือใช้ถ่ายน้ำจากบ่อ หรือแม่น้ำมาใช้โดยเป็นท่อขนาดใหญ่ที่มีแกนเป็นรูปเกลียว (เหมือนดอกสว่าน) เมื่อต้องการใช้น้ำก็หมุนด้ามจับ แล้วน้ำก็จะค่อย ๆ เคลื่อนตัวมาตามเกลียวไหลจากที่ต่ำสู่ที่สูง .. ความรู้ล้วน ๆ เลยครับที่นี่
…ต่อมาก็ถึงในบริเวณส่วนของ Go Genius Learning Center ตามที่ได้บอกไปแต่แรกว่าเป็นเหมือนศูนย์การเรียนรู้ ศูนย์อบรมพัฒนาสำหรับเด็ก ๆ และเยาวชน ซึ่งบริเวณนี้จะค่อนข้างกว้างขวางเหมาะกับวัยเด็ก ๆ ให้มาเล่น มาทำกิจกรรมกัน ซึ่งวันที่ผมเดินทางมาก็ตรงกับวันที่มีน้อง ๆ โรงเรียนจากแถว ๆ ในเขาใหญ่มาทำกิจกรรมกันพอดี ส่วนกิจกรรมนั้นก็อาจจะแบ่งเป็นตามฐาน ตามสถานีกันไปแล้วแต่โรงเรียนอยากจะจัดให้เป็นรูปแบบไหน
…พื้นที่นั้นกว้างเพียงพอรองรับเด็กได้เป็นร้อยเลยครับ ตัวอาคารบริเวณก็จะเป็น 2 ชั้น เป็นเหมือนโครงเหล็กแบ่งสองข้างซ้ายขวา ดูแล้วไม่อึดอัด และทำให้เด็ก ๆ ที่มาได้รู้สึกปลอดโปร่งอีกด้วยนะผมว่า เพราะอย่างน้อยมองออกไปด้านนอกก็จะเห็นความร่มรื่นเขียว ๆ ของธรรมชาติอยู่ทั่วบริเวณเลย
…ตัวกิจกรรมนั้นที่นี่ก็แบ่งให้จัดได้ทั้งกลางแจ้ง และห้องประชุมที่เป็นส่วนในร่มก็อยู่บริเวณนี้เช่นกัน .. และที่มากไปกว่านั้นก็คือยังแบ่งเป็นห้องพักอีกด้วย โดยบริเวณนี้จะเป็นห้องพัก Zone A ห้อง 1-7 ชื่อห้องพักแน่นอนว่าให้เข้ากับสถานที่ ให้เข้ากับบรรยากาศก็จะเป็นชื่อของบุคคลสำคัญของโลกโดยอาจจะเน้นไปทางวิทยาศาสตร์อย่างเช่นห้องของ กาลิเลโอ / พีทาโกรัส / จิ๋นซีฮ่องเต้ / เลโอนาร์โด ดา วินชี / หลุยส์ เบรล เป็นต้น
…ตัวอาคารที่ออกแบบก็ยังประดับด้วยข้อความแนวคิดสั้น ๆ ของบุคคลสำคัญเหล่านี้ไว้ด้วย เพื่อให้เด็ก ๆ ได้อ่านได้ซึมซับกันไปตลอดระยะเวลาที่ทำกิจกรรม และเข้าพักที่นี่ … ซึ่งในความคิดผมสถานที่แบบนี้นั้นสร้างขึ้นมานอกจากจะได้พักผ่อนแล้ว สำหรับพ่อแม่ผู้ปกครองหลายคนก็อาจจะชอบด้วยเช่นกัน เพราะให้ลูก ๆ หลาน ๆ ที่มานอกจากจะได้พักผ่อนแล้วก็ยังได้เล่น ได้รับความรู้ต่าง ๆ กลับไปอีกเป็นโบนัสพิเศษเลยก็ว่าได้
ปล. สำหรับโรงเรียน หรือหน่วยงานเกี่ยวกับเยาวชนไหน สนใจก็สามารถติดต่อสอบถามกับทางสถานที่ได้เลยครับ
…ต่อมาก็คือบริเวณของสระว่ายน้ำ ตรงนี้พื้นที่จะคล้ายโรงยิมเลยกว้างขวางเหมือนเดิม .. เท่าที่สังเกตดูตั้งแต่เริ่มเดินเล่น ถ้าไม่นับตัวอาคารที่พักแบบจริง ๆ จัง ๆ บริเวณที่เหลือการออกแบบก็จะเป็นลักษณะนี้ ซึ่งข้อดีในความคิดของผมก็คือมันดูโล่ง ไม่อึดอัด ไม่ทึบ ลมพัดโปร่งสะดวก ซึ่งก็อาจจะเอาใจเด็ก ๆ สักหน่อยตรงที่ไม่ได้ตกแต่งอะไรเยอะ เพราะเน้นไปที่สไตล์ของแนวคิดที่เจ้าของอยากให้เป็นทั้งที่ที่เราสามารถมาพัก และก็ทำกิจกรรมได้แบบสบาย ๆ โดยรวมสำหรับผมแล้วถือว่าลงตัวเลย
…ที่สำคัญสระว่ายน้ำระบบเกลือที่นี่ก็อย่างยาวเลยครับ เรียกว่าว่ายกันได้สุดสโตรกเลยจากขอบสระนี้ไปขอบสระนั้นว่ายกันแบบไม่ต้องกลัวชนกัน ให้กะจากสายตาผมว่าน่าจะมีเกือบ ๆ 15-20 เมตรได้.. เห็นแล้วน่าพุ่งว่ายมากครับ เพราะส่วนตัวแล้วผมไม่ชอบเล่นสระน้ำเล็ก ๆ เวลาว่ายมันจะไม่สนุกเท่าแบบยาว ๆ แบบนี้ที่ใส่ได้เต็ม ๆ ประหนึ่งซ้อมไปโอลิมปิคกันได้…
…ผ่านพ้นไปกับบริเวณ Go Genius Learning Center และห้องพักที่อยู่ตามอาคารกิจกรรมต่าง ๆ ต่อมาเราก็จะย้อนกลับมาที่ตัว Rain Tree Residence แบบจริง ๆ จัง ๆ กันเสียที กับห้องพักที่แหวกแนว ฉีกสไตล์จากหลาย ๆ ที่ที่ผมเคยเห็นมา…
…เพราะห้องพักทั้งหมดในบริเวณนี้จะมาจากชื่อบรรดาเหล่านักเขียนทั่วโลก ที่ทางที่พักเจ้าของได้ขอลิขสิทธิ์มาแล้วเรียบร้อย เรียกว่าไม่ใช่อยากตั้งก็ตั้งกันง่าย ๆ เพราะภายในห้องเราจะได้เห็นดีไซน์ของแต่ละห้องจากประมาณ 20 กว่าห้องที่ไม่ซ้ำกันเลยสักห้อง จะเป็นอย่างไรแล้วเดินขึ้นตึกเข้าตัวอาคารไปเดินชมพร้อมกันคร่าว ๆ กันเลยครับ
…เริ่มกันที่ห้องประเภท Deluxe Type กันก่อนเรียงชมกันไปเลยครับ แต่ภาพห้องนี้จะเยอะกว่าห้องอื่นหน่อย เพราะเป็นห้องที่ผมได้นอนกลิ้งนั่นเองกับห้องของ “Dr. Chek Dhanasiri : ห้อง นพ.เฉก ธนะสิริ” ซึ่งก็เป็นอีกหนึ่งบุคลากรทรงคุณค่าของบ้านเรา ซึ่งทางที่พักก็ได้นำชื่อของนายแพทย์ท่านนี้มาเป็นชื่อห้อง และภายในห้องก็ประดับตกแต่งด้วยสไตล์ต่าง ๆ ให้เข้ากับคาแรคเตอร์ของนายแพทย์เฉก
…เอาง่าย ๆ อย่างเช่นก็จะมีข้อคิดดีดี ข้อมูลที่เป็นสาระที่นายแพทย์เฉกได้เขียนไว้ในหนังสือ หรือได้ให้ไว้เป็นความรู้นำสิ่งเหล่านี้มาใส่กรอบตกแต่งห้อง ส่วนต่าง ๆ ของห้องให้ผู้เข้าพักได้อ่านกันเล่น ๆ หรือจะดีขึ้นหากนำไปประยุกต์ปฏิบัติใช้ในชีวิตประจำวันของแต่ละคน .. ซึ่งภายในห้องก็มีครบครันทุกอย่างครับทีวี ตู้เย็น ระเบียงเล็ก ๆ ผลิตภัณฑ์อาบน้ำ ไดร์เป่าผม รองเท้าแตะ เรียกว่าครบสูตรมาตรฐาน..
…ห้อง Deluxe Type ห้องต่อไปคือ “Pieretta Dawn : R101”(ที่เห็นว่าห้อง อาร์ 101 อันนี้ก็คือหมายเลขห้อง เพื่อง่ายต่อการจดจำ) ซึ่งห้องนี้ก็มีที่มาจากนักเขียนนวนิยายภาษาอังกฤษที่อายุน้อยที่สุดในประเทศไทย ซึ่งจริง ๆ ก็คือนามปากกาของ “แพรกานต์ นิรันดร หรือปอเปี๊ยะ” ที่มีผลงานชื่อดังอย่าง “จักรภพพันธุ์มหัศจรรย์” .. ซึ่งที่เป็นจุดเด่นก็คือเธอเขียนเป็นภาษาอังกฤษ และได้ อ.สุมาลี ผู้แปลเรื่อง แฮร์รี่ พอตเตอร์มาแปลเป็นไทยให้…
…ลองดูภายในห้องกันครับจะเห็นว่าการตกแต่งก็จะต่างไปจากห้องของ ดร.เฉก เพราะให้เข้ากับหนังสือ กับคาแรคเตอร์แต่ละคนอย่างที่บอก ดังนั้นแขกผู้ที่มาพักผ่อนนั้นจะได้สัมผัสกับห้องที่ต่างกันไปทุกห้องอย่างแน่นอน ..
ปล. ที่เห็นในภาพแรกป้ายหน้าห้องมีลายเซ็นก็เพราะห้องนี้เจ้าของหนังสือได้มานอนที่นี่แล้ว จึงมีลงไว้เป็นที่ระลึกนะครับ
…ห้อง สุมาลี บำรุงสุข .. ผู้แปลเรื่องแฮร์รี่ พอตเตอร์นั่นเอง..
…สไตล์ของห้องการจัดวางอาจดูเหมือนเดิมเพราะเป็นตามคอนเซปท์ของ Deluxe Type แต่ภายในบรรยากาศเปลี่ยนไปทันทีเมื่อการตกแต่งของห้องนี้เป็นภาพวาดผนังเกี่ยวกับ “แมว” เรียกว่าบรรดาเหล่า “ทาสแมว” ทั้งหลายได้มานอนห้องนี้รับรองฟินแน่ ๆ
…ขนาดผมไม่ค่อยอินอะไรกับแมวเท่าไหร่นัก แต่เดินเข้ามาโฉบ ๆ ยังสัมผัสได้ถึงความน่ารัก และซุกซนของเหล่าเจ้าเหมียวสายพันธุ์ต่าง ๆ ที่ตอนนี้ถูกจับติดผนึกกับผนังเป็นลวดลายวาดเส้นในอิริยาบถต่าง ๆ ของเจ้าเหมียว .. ทาสแมวคนไหนใครเปิดรีวิวนี้ดูแล้วเจอห้องนี้โน๊ตไว้เลยนะครับว่าห้อง สุมาลี บำรุงสุข : R102
…ห้อง พริมา ยนตรรักษ์ .. ต้นแบบเยาวชนที่ใฝ่รู้ และมีจิตสำนึกที่ดีต่อสังคม
…เห็นภายในห้องตกแต่งด้วยผนังเป็นรูปเหล่าแมลง และใบไม้ก็น่าจะพอเดาได้ว่าคนเขียน หรือเจ้าของผลงานห้องนี้ต้องเกี่ยวข้องอะไรสักอย่างกับเหล่าพฤกษา และแมลงหลายขาเหล่านี้แน่นอน ส่วนจะมีที่มาที่ไปอย่างไร ใครอยากรู้ลองเข้ากูเกิ้ลแล้วใส่ชื่อ “พริมา ยนตรรักษ์” ดูเลยครับจะรู้ว่ามีอะไรที่น่าทึ่งกับสาวน้อยคนนี้ไม่น้อยเลยทีเดียว
…และภาพนี้ผมได้รวบรวมห้องใน Deluxe Type หลายห้องต่าง ๆ ที่ได้เปิดแว๊บ แชะภาพมาห้องละใบสองใบ มาให้เพื่อน ๆ ได้เห็นกันว่าแต่ละห้องนั้นแม้อาจจะมีดีไซน์ที่เหมือนกัน แต่ลวดลายและอารมณ์ของห้องนั้นแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง ใครชอบแนวน่ารัก ใครชอบแนวสีสันสดใส หรือลึกลับ ผจญภัย อวกาศ ธรรมชาติ ศิลปะ และอื่น ๆ นั้นเรียกว่ามีเกือบครอบคลุมทุกรูปแบบ
…เรียกว่าเปิดไปดูแต่ละห้องก็เหมือนหลุดไปอยู่โลกของแต่ละห้องต่างกันอย่างไรอย่างนั้นเลย และต่อไปก็จะเป็นภาพของห้อง Suite ที่ผมได้แวะไปเก็บภาพมาครับ
…ผ่านพ้นไปกับห้อง Deluxe ก็มาถึงกับห้อง Suite Type กันสักหน่อย ซึ่งก็มีอยู่ด้วยกันหลายห้อง เราลองไปชมรูปร่างหน้าตาขนาดไซส์ของแต่ละห้องกันเลยครับ เริ่มกันที่ห้อง “เจมส์ โรลลินส์ : James Rollins” นักเขียนนวนิยายแนว Adventure Thriller ผจญภัยระทึกเขย่าขวัญ ..
…ภายในห้อง Suite ก็จะมาพร้อมกับความกว้างใหญ่ไพศาลของห้องที่มีพื้นที่กว่าห้อง Deluxe อยู่ค่อนข้างกว้างกว่ามาก พร้อมแนวระเบียงแบบยาว ๆ ส่วนภายในก็มีโซฟานั่งเล่น โต๊ะอาหาร อ่างล้างจานไว้ครบพร้อม ส่วนดีไซน์ของห้องก็จะมาในคาแรคเตอร์ของผู้เขียนที่ห้องนี้เน้นไปแบบการผจญภัยค้นหา หน้าตาก็ประมาณที่เราเห็นกัน
…ห้องเปาโล คูเอลญ : Paulo Coelho.. เจ้าของผลงานที่แปลเป็นภาษาต่าง ๆ มากที่สุดในโลก ลองเสิรช์ข้อมูลหาอ่านกันได้เลยสำหรับใครที่สนใจเกี่ยวกับประวัติของนักเขียนนวนิยายร่วมสมัยชาวบราซิลผู้นี้..
…ตัวรายละเอียดข้อมูลของผู้เขียนในแต่ละห้องนั้น ทาง Rain Tree Residence ก็ได้สอดแทรกข้อมูลต่าง ๆ ไว้ให้กับทุกห้อง สำหรับใครที่เป็นหนอนหนังสือ หรือชอบอ่านหนังสือ มีความรู้สนใจในงานเขียน งานอ่านต่าง ๆ แล้วผมว่าน่าจะชอบที่นี่ได้ไม่ยาก .. เพราะเราจะได้อินไปกับเรื่องราวต่าง ๆ ของบุคคลสำคัญที่มีผลงานไว้มากมาย
…เอาง่าย ๆ อย่างผมที่ชอบในเรื่องดนตรี ถ้ามีที่พักไหนทำออกมาเกี่ยวกับดนตรี ประวัติต่าง ๆ ผมเองก็จะสนใจแน่นอน .. ซึ่งก็คงเหมือนกับที่ Rain Tree Residence ที่น่าจะถูกใจกับคอหนังสือต่าง ๆ และถึงแม้จะไม่ใช่สายนี้ แต่หากได้ลองมาพักผมว่าก็ถือว่าเราได้อะไรติดกลับไปได้ไม่น้อยเช่นกัน
…ห้องหยูหัว : Yu Hua ..
…ห้อง Suite อีกห้องหนึ่งที่ผมได้แว๊บเข้ามาสัมผัสบรรยากาศในแบบจีน ๆ สักหน่อย คือห้องหยูหัว .. และอย่างที่เห็นกันก็คือการจัดวางต่าง ๆ นั้นแต่ละห้องก็จะไม่หนีกันมาก เรียกว่าคล้ายคลึงกันสำหรับห้องประเภทนี้ ที่จะต่างไปก็คือโทนสี อารมณ์ห้อง การตกแต่งเหมือนที่เราเห็นภาพรวมไปแล้วว่าที่นี่นั้น เน้นและใส่ใจไปที่คาแรคเตอร์ที่โดดเด่นของแต่ละบุคลากรที่นำมาเป็นสไตล์เอกลักษณ์ของแต่ละห้อง
…ผ่านพ้นไปกับรูปหน้าค่าตาของห้องต่าง ๆ เพียงส่วนหนึ่งเท่านั้น จริง ๆ ยังมีอีกหลายห้องที่มีการตกแต่งสวย ๆ ส่วนที่เห็นไปแค่เอามาเป็นตัวอย่างเล็ก ๆ น้อย ๆ ให้เพื่อน ๆ ได้ชมกันพอเก็บไว้เป็นข้อมูล แต่ความสวยงามจริง ๆ จะเป็นอย่างไรแล้วก็ต้องไปลองสัมผัสกันเองนะคร๊าบ
…จากห้องพักทั้ง 2 ประเภทผ่านไป ก็มาอีกโซนหนึ่งที่ผมว่าน่าสนใจมาก และยังเป็นอีกมุมสวย ๆ ในที่พักให้เราได้ถ่ายรูปเล่นกันอีกด้วยก็คือบริเวณของโซนอ่านหนังสือ ที่มีเก้าอี้ไม้ยาว ๆ ให้ผู้มาพักไม่ว่าจะเป็นเด็ก หรือผู้ใหญ่ได้นั่งอ่านหนังสือกันแบบยาว ๆ ลักษณะเหมือนห้องสมุดเลย
…นอกไปจากเก้าอี้โต๊ะนั่งที่เหมือนห้องสมุดแล้ว ปริมาณหนังสือนานาประเภทบนชั้นวางนั้นบอกได้เลยว่ามหาศาล เอาแค่เดินไปเอียงคอดูสันหนังสือก็ตาลายกันแล้ว งานนี้ถ้าเด็ก ๆ น้อง ๆ สนใจจะมาอ่าน ผมว่าคงได้เลือกเล่มโปรด เลือกหนังสือที่ชอบกันจนเหนื่อยแน่นอน
…อย่างที่บอกไปว่าจุดเด่นของบริเวณโซนอ่านหนังสือนี้ก็คือการวาดลวดลายบนฝาผนังนั้นน่ารักมาก นอกจากจะมาเพลินกับการอ่านหนังสือแล้ว ยังเป็นมุมถ่ายรูปเก๋ ๆ ได้หมดทุกเพศทุกวัยกันอีกด้วย
…จากนั้นก็เป็นบริเวณของห้องเล่นสำหรับเด็กที่มีขนาดกว้างและใหญ่มาก ที่กล้าบอกว่ากว้างใหญ่มากเพราะผมเองเคยไปโรงแรมไปรีสอร์ทที่พักต่าง ๆ มาก็เยอะ แต่ก็ไม่เคยเจอที่ไหนที่ให้พื้นที่ของห้องเล่นสำหรับเด็กกว้างขนาดนี้มาก่อน.. ยิ่งถ้าเป็นวัยเริ่มคลานเริ่มเดินด้วยแล้วผมว่าเด็ก ๆ คงได้คลานได้เดินเหยาะแหยะกันเต็มที่แน่นอน
…ของเล่นในห้องก็จัดเต็มสารพัดสิ่งที่พร้อมจะเสริมสร้างการเรียนรู้ และส่งเสริมให้เด็กได้ใช้หัวคิดใช้สมองในการเล่น เรียกว่าเติมต่อจินตนาการได้ทั้งความรู้ และความสนุกแบบเต็ม ๆ เลยกับห้องนี้..
…ผ่านพ้นไปเกือบวันเต็ม ๆ เข้าสู่ช่วงหัวค่ำ สำหรับที่นี่แล้วจะยังไม่มีห้องอาหารแบบจริง ๆ จัง ๆ ดังนั้นแขกผู้มาพักที่ต้องการให้ทางที่พักเตรียมอาหารไว้นั้นจะต้องแจ้งล่วงหน้าสั่งไว้เพื่อทางที่พักจะได้เตรียมจัดการไว้ให้ แต่หากใครอยากขับรถออกไปหาอะไรรับประทานข้างนอกเองก็สามารถเดินทางได้โดยขับรถออกไป เส้นทางอาจจะสลับซับซ้อนไปหน่อยแต่ยุคนี้แล้วแค่มีกูเกิ้ลแมพก็ช่วยได้เยอะ …
…จุดเด่นอีกอย่างของ Rain Tree Residence ที่ผมสัมผัส และรู้สึกได้เลยก็คือความเงียบสงบที่ขอบอกว่าเงียบมาก กับบริเวณที่พักที่ล้อมรอบด้วยเทือกเขาดงพญาเย็นรอบด้าน สำหรับใครที่ต้องการความสงบส่วนตัว ไม่ชอบความวุ่นวายจอแจจากสิ่งต่าง ๆ ผมว่าที่นี่นั่นใช่เลย
…ผมเองเคยมาเขาใหญ่ก็หลายครั้งอยู่เป็นสิบ ๆ กว่าครั้ง มีหลายที่ที่เรารู้สึกว่าเงียบสงบ แต่ไม่เคยเจอที่ไหนจะสงบได้เท่านี้มาก่อน เหตุผลก็เพราะที่ตั้งของ Rain Tree Residence นั้นอยู่แยกออกมาเป็นเส้นทางถนนที่มีที่พักเพียง 2 เจ้าเท่านั้นบนถนนเส้นนี้ก่อนจะเป็นเนินเขาที่สามารถขับรถขึ้นไปชมวิวได้ ซึ่งก็เป็นทางตันของถนนด้วย เลยทำให้ไม่มีคำว่าพลุกพล่านแน่นอน
…บรรยากาศยามค่ำคืนนั้นยิ่งเหมาะแก่การมารับความบริสุทธิ์ของอากาศสดชื่น ๆ ที่ห้อมล้อมด้วยสีเขียวของธรรมชาติทั้งต้นไม้ ใบหญ้า และภูเขาที่เติมเต็มความสุขให้กับวันพักผ่อนพิเศษ ๆ
…ผ่านพ้นกับหนึ่งคืนที่ Rain Tree Residence ตื่นเช้ามาก็ต้อนรับกันด้วยเมนูอาหารเช้าที่ทางที่พักเตรียมไว้ให้ก็มีเมนูไข่กระทะ / เซ็ทเมนูไส้กรอก แฮม ไข่ดาว / ข้าวต้มหมู
…รสชาติอร่อยดีเลิศสมเป็นมื้อเช้าของวันใหม่.. เป็น 2 วัน 1 คืนแบบเรียบง่าย และสบาย ๆ ไม่ต้องมีอะไรให้คิดมากสำหรับใครที่อยากลองหาโอกาสมาสัมผัสมาพักผ่อนกับที่พักที่มีบรรยกาศเขียว ๆ อยู่ล้อมรอบ ความเงียบสงบที่ทำให้เราสดชื่น และได้ปลดปล่อยไปกับวันที่เราอยากผ่อนคลายจริง ๆ
…แม้ว่า Rain Tree Residence และ Go Genius Learning Center จะอยู่ภายใต้สถานที่เดียวกัน แต่ก็แบ่งแยกโซนกันอย่างชัดเจน ดังนั้นผู้ที่มาพักฝั่ง Rain Tree ก็จะไม่ต้องกังวลว่าจะได้รับเสียงของเด็ก ๆ จากทางฝั่ง Go Genius ในขณะที่ฝั่งศูนย์การอบรมเรียนรู้นี้ก็ไม่ได้มีดีแค่เป็นสถานที่สำหรับทำกิจกรรม แต่ก็ยังให้เด็ก ๆ เยาวชนสามารถนอนค้างภายในศูนย์นี้ได้ด้วย
…ซึ่งทั้งสองจุดนี้ก็สร้างเชื่อมโยงให้ต่อยอดถึงกันและกันได้อย่างลงตัวท่ามกลางความสงบร่มรื่นไร้เสียงอึกทึกคึกโครม หรือฝุ่นควันทั้งหลาย.. หากถามว่าที่พักทั้ง Rain Tree Residence และ Go Genius นั้นเหมาะกับผู้มาพักแนวไหน แน่นอนว่าอาจดูว่าเหมาะสมกับครอบครัวที่มีเจ้าตัวเล็ก หรือให้ลูกหลานได้มาวิ่งเล่น มาเรียนรู้อะไรใหม่ ๆ ต่าง ๆ แต่ถ้าเป็นเพื่อนฝูง หรือผู้ใหญ่ที่ต้องการพักแบบเรียบ ๆ ง่าย ๆ ไม่ต้องการความวุ่นวาย มาถึงแล้ววางกระเป๋าเดินเล่นนอนเล่น ไม่ต้องออกไปไหน ผมว่าก็ตอบโจทย์ได้ไม่ยาก..
…ที่สำคัญคือช่วงเวลาที่เราได้อยู่ที่นี่จะทำให้เรารู้สึก และรับรู้ได้ทันทีว่าการได้อยู่ใกล้ชิดธรรมชาติในวันพิเศษนั้นหาได้ไม่ยากเลย ยิ่งมีอะไรเล็ก ๆ น้อย ๆ เพิ่มเติมเข้ามาให้ดูพอมีสีสันด้วยแล้วที่นี่ก็อาจเป็นอีกที่หนึ่งในเขาใหญ่ที่กำลังรอคอยให้ใคร ๆ ได้ลองมาสัมผัสบรรยากาศแนบชิบธรรมชาติดูสักครั้ง Rain Tree Residence และ Go Genius Learning Center
เรื่อง / ภาพ : Forzanu : www.facebook.com/forzanufoto
FB PAGE : RAIN TREE RESIDENCE : https://www.facebook.com/Raintree.khaoyai/
OFFICIAL SITE : RAIN TREE RESIDENCE : http://www.raintree-residence.com/