…เส้นทางขับรถเที่ยวแม่ฮ่องสอนหน้าฝน…จากปายถึงแม่สะเรียง…

…เมื่อพูดถึงเมืองแม่ฮ่องสอนหลายคนคงจะนึกถึงภาพของหมอกของความชุ่มชื่นเย็นฉ่ำเป็นภาพรวม ซึ่งโดยมากช่วงเวลาที่นักท่องเที่ยวนิยมจะมากันคงหนีไม่พ้นช่วงตั้งแต่ปลายฝนไปจนถึงตลอดฤดูหนาว ที่มีโอกาสจะได้สัมผัสความหนาวเย็นแบบเมืองเหนือ ๆ ตามอย่างที่ใครหลาย ๆ คนชอบกัน.. ถึงแม้ไม่ว่าเส้นทางขับรถนั้นจะเหนื่อยหนาสาหัส หรืออาจแลดูเหนื่อยไปหน่อยหากเทียบกับจังหวัดอื่น ๆ ในเมืองเหนือ เพราะด้วยสภาพถนนหนทางที่เต็มไปด้วยโค้งนับพัน ๆ ไว้พิสูจน์สมรรถภาพของผู้ขับ ซึ่งเอาจริง ๆ แล้วในหน้าหนาวแม้ว่าถนนจะขับได้ง่ายกว่าเพราะปริมาณฝนลดลงหากเทียบกับในช่วงหน้าฝน แต่ก็อาจจะแลกด้วยความเยอะของรถของผู้ร่วมทางที่มากันเยอะแยะมากมาย..

…ดังนั้นการเที่ยวในหน้าฝนจึงอาจเป็นอีกทางเลือกที่จำนวนนักท่องเที่ยวจะลดลงมากเกินไปกว่าครึ่ง แต่ความสวยงามของธรรมชาตินั้นไม่ได้ลดลงเลย ตรงกันข้ามความงดงามก็ยังคงมีคงให้เห็นในแบบฉบับของฤดูฝนที่วิวข้างทางจะเปี่ยมไปด้วยความชุ่มฉ่ำของต้นไม้ สายลม ทุ่งนา และภูเขาสีเขียว ๆ .. ซึ่งหากใครที่ไม่มั่นใจในการขับขี่เราอาจเลี่ยงไปเป็นช่วงที่ฝนเริ่มซาสักหน่อยราวเดือนสิงหาคม กันยายน ปริมาณฝนก็จะค่อย ๆ เพลาลงไปบ้าง..

…ไม่รอช้าในรีวิวอัลบั้มนี้ผมจะมานำเสนอเส้นทางที่คนส่วนใหญ่ก็ไปกันเป็นประจำอยู่แล้ว ก็คือเส้นทางจาก อ.ปาย – อ.แม่สะเรียง (หรือกดตามลิ๊งค์กูเกิ้ลที่นี่ดูได้เลย https://goo.gl/maps/HPzMLaunwcM2 ) โดยรวมระยะทางประมาณคร่าว ๆ 350 กว่ากิโลเมตร เป็นเส้นทางที่ไม่เยอะเลย.. แต่ด้วยสภาพเส้นทางอย่างที่รู้กันทำให้เราอาจทำเวลาได้ไม่มากนัก ทริปนี้จึงเป็นการขับไปแบบเพลิน ๆ เน้นปลอดภัยไม่รีบร้อน ..สรุปออกมาได้ตามนี้

  • วันที่ 1 > เริ่มจากปายเที่ยวในปาย เที่ยวบ่อน้ำร้อน นอนปาย
  • วันที่ 2 > ออกจากปายไปหมู่บ้านรักไทย ปางอุ๋ง สะพานไม้ซูตองเป้ นอนบ้านรักไทย
  • วันที่ 3 > ออกจากบ้านรักไทย ผ่านบ้านเมืองปอน แล้วไปนอน อ.แม่ลาน้อย
  • วันที่ 4 > ออกจากแม่ลาน้อย ไปเที่ยวจุดหมายสุดท้ายที่ อ.แม่สะเรียง

******************************

…อุปกรณ์ถ่ายภาพสำหรับทริปนี้ตามนี้เลย…

• NIKON D750 •

• AF-S NIKKOR 14-24mm f/2.8G ED •

• AF-S NIKKOR 35mm f/1.4G •

• AF-S NIKKOR 70-200mm f/2.8E FL ED VR •

…รีวิวนี้จะเน้นไปแบบเพลิน ๆ นะบรรยายบรรยากาศอะไร ๆ ไปเรื่อย ๆ โดยไม่เน้นข้อมูลลงลึกอะไรมาก เนื่องจากสถานที่ที่ไปนั้นมีชื่อเสียงมากอยู่แล้ว แต่ที่จะเน้นก็คือความสนุกในการเดินทางของบรรยากาศหน้าฝนที่สลับไปสลับมาเดี๋ยวฝนเดี๋ยวแดดที่บางทีก็ทำเราได้แต่นั่งมองตาปริบ ๆ เพราะฝนตกทำอะไรไม่ได้ 555

…เมื่อพูดถึงแม่ฮ่องสอนก็ต้องพูดถึงปาย ปายในวันนี้ต้องยอมรับเลยครับว่าบรรยากาศของตัวเมืองเล็ก ๆ ที่ปายนั้นเปลี่ยนไปมากมายจาก 10 ปีก่อนที่ผมเคยมาสมัยที่เดินตลาดตอนกลางคืนเดินไปสัก 20 เมตรจะเจอร้านเหล้าเล็ก ๆ สักร้าน เดินไปอีก 20 เมตรจะเจอร้านขายของที่ระลึกสักร้าน.. แต่ทุกวันนี้ทุกอย่างก็เปลี่ยนไปตามกาลเวลา ทำให้ผมไม่ได้ใช้เวลาอยู่ที่ปายนานเท่าไหร่นักแต่ก็พยายามหาอะไรใหม่ ๆ แวะข้างทางจนได้

“น้ำพุร้อนธรรมชาติป่าอนุรักษ์ไทรงาม” คือที่เดียวในเมืองปายที่ผมและเพื่อนแวะเที่ยวกัน ด้วยความที่อยากเห็นว่าหน้าตาจะเป็นอย่างไรจะเหมือนภาพในอินเตอร์เนทที่เคยเห็นมาหรือไม่ จนได้มาถึงก็เป็นลักษณะเหมือนบึงน้ำเล็ก ๆ มีอุณหภูมิน้ำอุ่น ๆ ที่ประมาณว่าลงไปแช่แล้วก็อยู่ในระดับที่สบายตัว.. แช่ไปแช่มามองไปมองมามีแต่ชาวต่างชาติ 5555 คิดว่าอยู่เมืองนอก… อาจเพราะด้วยเป็นวันธรรมดาเพราะเท่าที่สอบถามจากเจ้าหน้าที่บอกว่าคนไทยก็มาแต่ส่วนใหญ่จะเป็นวันหยุด แต่คนที่มาโดยมากจะเป็นชาวต่างชาติเสียมากกว่า … ก็ถ้ารู้อย่างนี้แล้วใครที่เดินทางมาปายจะขับรถต่อไปยังปางอุ๋งหรือเส้นทางแม่ลาน้อยอะไรยังไง ก็ต้องผ่านน้ำพุร้อนแห่งนี้อยู่แล้วก็แวะเที่ยวกันสักหน่อยก็ดีครับ.. เมืองไทยจะได้ไม่เงียบเหงา…

…วันที่ผมและเพื่อนมาพักที่ปายเราได้เลือกที่พักผ่านการจองจากทาง https://www.traveloka.com/th-th/hotel เวปไซท์ที่ช่วยให้การจองที่พักเป็นเรื่องง่ายดายขึ้นทั้งที่พัก หรือสายการบินต่าง ๆ ทั่วโลก.. ตอนที่มาปายวันนั้นเราเองก็ไมได้หาที่พักมาก่อน เพราะหน้าฝนแบบนี้นักท่องเที่ยวน้อยบวกกับวันธรรมดาด้วยแล้วการหาที่พักราคาถูก ๆ จึงไม่ใช่เรื่องยาก.. ตรงกันข้ามเข้าแอพพลิเคชั่นปุ๊บเสิร์ชค้นหาใช้เวลานิดเดียวก็ได้แล้วผลลัพธ์ออกมาที่ “บ้านกะทิสด” เป็นที่พักขนาดย่อม ๆ ราคาไม่แพงหน้าฝนแบบนี้คืนนึงไม่ถึง 500.- นอนพักหนึ่งคืน ตกค่ำ ๆ ค่อยไปหาอะไรกินที่ถนนคนเดิน.. ตื่นเช้ามาก็เก็บกระเป๋าเดินทางต่อได้เลย

…เส้นทางของวันต่อมาออกจาก อ.ปาย มุ่งหน้าจะไปนอนที่ “หมู่บ้านรักไทย” …ระหว่างเส้นก็ขับรถผ่านจุดชมวิวข้างทางต่าง ๆ วิวข้างทางนั้นถ้าแดดออกก็สวยมาก เหมือนที่โชคดีในภาพที่เห็นเพราะฝนไม่ตก .. แต่ถ้าเมื่อไหร่ฝนตกก็อาจหม่น ๆ หมอง ๆ ไปหน่อยสลับ ๆ กันไปแต่ที่แน่นอนคือตอนนี้โชคดี

…ปล. ในภาพที่เห็นกระเป๋านกฮูกห้อยต่องแต่งอยู่ในร้านขายของนี่ใบละร้อยเดียวเองนะ ถูกมากกกสำหรับเรา… เหมาะกับการซื้อฝากเป็นที่สุด

…ระหว่างทางขับมากว่าจะถึงหมู่บ้านรักไทยก็สลับไปทั้งฝนทั้งแดดทั้งครึ้มทั้งสว่าง ขับมาก็หลายโค้งมาก ๆ ค่อย ๆ ขับมาในที่สุดก็ถึงหมู่บ้านรักไทยที่เราจะนอนกันในคืนนี้ ท่ามกลางบรรยากาศแบบหมู่บ้านที่ออกจะแลดูไปทางจีน ๆ นิด ๆ เดินแล้วได้มโนเล็กน้อยว่าอยู่ต่างแดน .. ในหมู่บ้านก็จะมีร้านค้าร้านอาหารขายของที่ระลึก ขายของกินให้เราซื้อกลับไปฝาก หรือซื้อไว้นั่งเคี้ยวเล่นบนรถก็ตามสะดวก

…ส่วนที่นิยมก็คงเป็นพวกบรรดาชาในรูปแบบในกลิ่นต่าง ๆ ที่มีหลากหลายมาก เรียกว่าเลือกกันไม่ถูกเลยก็ว่าได้..

…และแน่นอนว่าเมื่อมาที่หมู่บ้านรักไทยก็พบกับเอกลักษณ์ไฮไลท์ของที่นี่อยู่ที่อ่างเก็บน้ำบ้านรักไทย หรือที่บางคนก็บอกว่าคือทะเลสาบบ้างก็บอกว่าบึงก็สุดแท้แต่.. ใครมาก็ต้องถ่ายภาพหมู่บ้านที่เรียงรายอยู่ริมน้ำมองเห็นเงาสะท้อนน้ำสวย ๆ ถ่ายรูปเล่นได้สบายทั้งวัน หรือถ้าใครว่าง ๆ จะนั่งรอจังหวะตอนที่น้ำนิ่ง ๆ แล้วสะท้อนเห็นเงาบ้านเรือนสะท้อนในน้ำชัด ๆ ก็ยิ่งเป็นภาพที่สวย ๆ เลย..

…เรามาที่หมู่บ้านรักไทยได้โอกาสเข้าพักที่ “ลีไวน์รักไทยรีสอร์ท” ที่พักที่สวยงาม และอลังการไปกับวิวมาก ๆ เพราะสำหรับผู้ที่เข้าพักจะได้วิวที่สวยกว่าผู้ที่มาเยือน เพราะจะมีกั้นพื้นที่โซนไว้ให้เฉพาะแขกผู้มาพักได้เดินถึงด้านบน ในขณะที่นักท่องเที่ยวที่มาทั่วไปจะอยู่ถ่ายรูปเล่นได้ที่ด้านล่าง..

…จากด้านบนห้องพักมองลงไปก็จะเป็นไร่ชาที่ปลูกลดหลั่นลงไปตามระดับขั้นบันได หรือมองไกลออกไปอีกนิดก็จะเห็นอ่างเก็บน้ำบ้านรักไทยเป็นฉากหลังสวยงาม.. คุ้มค่าที่ได้พักผ่อนกับวิวสวย ๆ แบบนี้ที่ลีไวน์รักไทยรีสอร์ท

…ว่ากันต่อสำหรับสถานที่ปลายทางในฝัน Dream Destination ของใครหลายคนผมว่าที่นี่ต้องติดอันดับแน่นอนกับ “ปางอุ๋ง” หรือเรียกกันในชื่อยาว ๆ ว่า “โครงการพระราชดำริ ปางตอง 2” .. อ่างเก็บน้ำที่มีทัศนียภาพ และบรรยากาศเงียบสงบยิ่งในวันนี้ตอนบ่ายแก่ ๆ เกือบตกเย็น นักท่องเที่ยวน้อยมากน้อยจริง ๆ เดินเล่นไปชั่วโมงกว่าเจอคนมาเที่ยวไม่ถึง 10 คน… ช่างแตกต่างกับในหน้าหนาวที่ปริมาณนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาจะเยอะเป็นพิเศษ…

…ส่วนตัวผมเองเคยมาที่นี่ 2 ครั้ง เป็นหน้าหนาวทั้ง 2 ครั้ง ครั้งแรกนอนในตัวที่ทำการตรงนี้เลยเมื่อ 12 ปีก่อน และล่าสุดเมื่อ 7 ปีที่แล้วนอนที่โฮมสเตย์นอกตัวโครงการก็จะมีที่พักมากมายของชาวบ้านรวมทั้งร้านค้าร้านอาหารสะดวกต่อนักท่องเที่ยวมาก…

…สำหรับใครที่ไม่ติดใจว่าจะต้องเจอหมอกหนาลอยล่องในยามเช้า หรือต้องการแค่ได้มาสัมผัสบรรยากาศแบบเงียบ ๆ ต้องการหลีกหนีความไม่จอแจ การมาปางอุ๋งในหน้าหนาวก็ถือว่าเป็นอีกทางเลือกที่ตอบโจทย์ได้ดีเพราะความเขียวชอุ่ม ความสดชื่นนั้นมีอยู่รอบตัวจริง ๆ ทิวสนต้นสูง ๆ บึงน้ำ และสะพานเล็ก ๆ ที่ยื่นออกไปบางทีแค่นี้ก็เพียงพอกับการเติมพลังให้ชีวิตเราแล้ว

…เลยผ่านพ้นกับบริเวณปางอุ๋งยังมีจุดท่องเที่ยวเล็ก ๆ อีกหนึ่งแห่งที่คนนิยมมาเดินเล่นเก็บภาพกันก็คือ “สะพานไม้ซูตองเป้” สะพานไม้แห่งความศรัทธาที่ชาวบ้านได้ร่วมแรงร่วมใจกันสร้างขึ้น ใครมาปางอุ๋งก็ต้องแวะสะพานไม้ ใครจะมาสะพานไม้ก็ต้องเลยไปปางอุ๋งเป็นแพคเกจคู่.. มองดูป้ายให้ดีแต่ถ้าหาไม่เจอก็ถามชาวบ้านได้เลย…

…สะพานไม้ในวันหน้าฝนแบบนี้ก็จะชุ่มฉ่ำไปด้วยรวงข้าวที่ปลูกขึ้นขนาบข้างสะพานที่ทอดยาวออกไป ใครที่เคยเห็นในภาพจากทางอินเตอร์เนทว่ากว้างใหญ่เอาจริง ๆ บอกตรง ๆ มันก็ไม่ได้กว้างใหญ่อะไรขนาดนั้น ก็เพราะด้วยมุมภาพที่ถ่ายมาให้ดูกว้าง.. แต่ถ้าถามว่าคุ้มค่าที่จะมาหรือไม่ เราว่ามาแล้วก็ได้อยู่นะ ได้มาเดินเล่นเก็บภาพสะพานที่ห้อมล้อมด้วยภูเขา และทุ่งนาเขียว ๆ อย่างในหน้าฝนแบบนี้ก็ได้ภาพสวย ๆ กลับไปอวดเพื่อนได้เลย…

ปล. ภาพเซ็ทปางอุ๋ง บ้านรักไทย สะพานไม้ซูตองเป้ สามารถดูแบบเต็ม ๆ ได้ที่ในเพจผมเลยนะครับ https://www.facebook.com/ForzanuFoto/posts/1533064640090389

…จากเส้นทางที่ผ่านมาเราได้สัมผัสกับธรรมชาติไปหลายที่แล้วถึงคราวเปลี่ยนโหมดมาแนววิถีชีวิตกันบ้าง ซึ่งเป็นอีกหนึ่งแนวที่ปัจจุบันนี้ผู้คนเริ่มให้ความสนใจกันมากขึ้นก็คือการได้พบกับอะไรที่เป็นไปในแบบไม่ฟุ้งเฟ้อ ไม่วุ่นวาย เรียบง่ายเหมือนในอดีตที่เคยผ่านมา.. จึงขอนำเสนอ “บ้านเมืองปอน” หมู่บ้านแห่งความสุข หมู่บ้านท่องเที่ยววิถีชุมชนไทยใหญ่ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจมิตรรักแฟนเพลงกันอีกหนึ่งแห่ง..

…กับภาพของชุมชนหมู่บ้านเล็ก ๆ ที่จะให้เราได้ใช้เวลาสัมผัสชีวิตความเป็นอยู่ของชุมชนแห่งนี้ ที่มีวัฒนธรรมสืบสานสืบทอดต่อกันมาช้านาน ซึ่งกิจกรรมที่เมื่อมาที่บ้านเมืองปอนก็มีด้วยกันหลายอย่าง เช่น

  • ทางชุมชนมีจัดกิจกรรมเรียนรู้วิถีชีวิต ศึกษาวิถีชีวิตของชาวบ้านที่นี่ โดยคิดราคาคนละประมาณ 350.- / 1 คน .. ซึ่งราคานี้ก็จะรวมอาหารเย็น และอาหารเช้า(สำหรับผู้ที่สนใจค้างคืน)
  • การมาเรียนรู้งานจักสานกุ๊บไต หมวกสานไม้ไผ่ / การเย็บปักเสื้อไทยใหญ่ / และที่น่าสนุกก็คือหากเป็นช่วงฤดูกาลดำนา เราก็ยังสามารถลงไปดำนาได้อีกด้วย (กิจกรรมนี้ยอดฮิตเลย)

…ส่วนสำหรับคนที่ไม่ได้อยากจะค้างคืน อยากแค่แวะรับประทานอาหารในบรรยากาศวิถีชีวิตบ้านเมืองปอนก็คือการ แวะรับประทานอาหารกลางวันในราคา 80-100 บาทต่อคน .. โดยเป็นฝีมือแม่ครัวชาวบ้านที่นี่แท้ ๆ ผักสดสะอาด ปรุงใหม่ สุก ๆ … ดูได้ตามในภาพประกอบ

…ส่วนกิจกรรมที่ชิวสุดก็คือ เดินพกกล้องหามุมถ่ายรูปเล่น ๆ ด้วยบรรยากาศเงียบ ๆ ทำให้ถ่ายรูปง่าย ..มีมุมอารท ๆ ให้เลือกถ่ายรูปได้สนุก มีภาพของวิถีชีวิตให้สัมผัส …

…ที่บ้านเมืองปอนเป็นอีกแห่งที่หลายคนอาจรู้จัก หรือเคยได้ยินแล้ว แต่ก็น่าจะยังมีอีกหลายคนที่ไม่เคยได้ยิน.. ถ้าอย่างนั้นครั้งหน้าครั้งใดผ่าน อ.ขุนยวม หรือจะแวะเที่ยวทุ่งบัวตองช่วงต้นฤดูหนาวเรียบร้อยแล้ว.. หาเวลามานอนที่นี่สักคืน.. ความสุขในการเดินทางจะทำให้ยิ่งเต็มอิ่มกับบรรยากาศของ “บ้านเมืองปอน” แน่นอนครับ…

ปล. ดูภาพเต็ม ๆ ได้ในเพจเลยนะครับ https://www.facebook.com/ForzanuFoto/posts/1541264215937098

…จากโหมดวิถีชีวิตเรากลับมาโหมดธรรมชาติกันอีกครั้งโดยจะมุ่งหน้าไปที่ อ.แม่ลาน้อย และปลายทางที่ อ.แม่สะเรียง.. โดยสถานที่แรกที่เราจะไปกันก็คือ “โครงการหลวงแม่ลาน้อย” กับแนวคิด และการร่วมมือร่วมใจร่วมแรงของคนในชุมชนโครงการหลวงแทบจะทุกที่ในบ้านเราก็ล้วนจะมาจากพระปรีชาสามารถของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๙ ของเราแทบทั้งนั้น..

…และนี่ก็คืออีกหนึ่งโครงการที่ทำให้ชาวบ้านมีอาชีพ มีงาน มีรายได้ในการเลี้ยงดูครอบครัว ส่งเสริมวิถีชุมชนให้มีประสิทธิภาพ และมีความสำคัญต่อประเทศเหมือนกับอีกหลายโครงการหลวงที่เรารู้จักกันดี… ภายในโครงการหลวงนอกจากไปจากแปลงปลูกพืชผักแล้วก็ยังมีในส่วนของระบบขั้นตอนการจัดการต่าง ๆ ที่พัฒนาต่อมาเรื่อย ๆ จนถึงปัจจุบันนี้ ..

 

…ที่แม่ลาน้อยเราได้เข้าพักที่ “เฮินไต รีสอร์ท” ที่พักน่ารัก ๆ ที่มีเอกลักษณ์อยู่ที่วิวทุ่งข้าวเขียวขจีอยู่ภายในรีสอร์ทมีสะพานไม้พาดยาวลงไป แม้จะไม่ได้พาดยาวได้ไกลมากแต่ก็เป็นวิวที่สวยงาม และสะกดให้ผู้มาพักได้หยุดยืนถ่ายรูปเล่นได้อย่างเพลิน ๆ .. ภายในที่พักก็มีส่วนของห้องอาหารสำหรับใครที่ขี้เกียจออกไปหาอะไรกินก็สามารถใช้บริการได้ หรือใครอยากออกไปสัมผัสรสชาติของชุมชนแถวนี้ ไปหาอร่อย ๆ กินกันก็ถามเจ้าของที่พักได้เลย ด้วยความยินดีเจ้าของใจดีก็แนะนำร้านอร่อยให้แน่นอน

…ภายในอำเภอแม่ลาน้อยนั้นจะเป็นเส้นทางถนนที่เราสามารถขับรถยนต์ หรือเช่ามอเตอร์ไซด์ขับขี่เลาะไปตามถนนหนทางได้แทบทั้งนั้น เพื่อหามุมสวย ๆ ในการเที่ยวชมความงดงามของธรรมชาติ.. ในวันนี้ที่เป็นฤดูฝนหากจะว่ากันจริง ๆ แล้วก็อาจลำบากตรงที่เกิดฟ้าฝนเทลงมาก็อาจทำให้เราเดินทางกันลำบากหน่อย แต่เมื่อใดก็ตามที่ฝนหยุดตก หรือแดดออกแล้วก็เป็นช่วงเวลาที่เราจะได้พบกับความชุ่มฉ่ำของวิวตลอดสองข้างทางที่เราผ่านไปผ่านมา ไม่ว่าจะเป็นทางราบหรือเป็นวิวแบบเขาสูง ๆ

…เที่ยวหน้าฝนความสนุกมันอยู่ตรงไหน เพราะใครหลายคนอาจจะไม่ชอบด้วยเหตุผลต่าง ๆ นานาไม่ว่าจะเฉอะแฉะ เดินทางลำบาก ตัวเปียก อุปกรณ์ต่าง ๆ ก็ต้องเยอะขึ้นกว่าเดิม… แต่สำหรับผมแล้วมันสนุกตรงที่เมื่อฝนตกเราจะเข้าใจความหมายของคำว่าเฝ้ารอมากขึ้น เพราะในขณะที่แดดออกเหล่าพืชพันธุ์ต่างก็คอยฟ้าคอยฝนเช่นกัน… มองในแง่ดีเข้าไว้แล้วเราก็จะเข้าใจจะยอมรับแล้วเที่ยวได้อย่างเข้าใจธรรมชาติได้มากขึ้น…

…เส้นทางขับรถไปขับรถมาที่แม่ลาน้อยวิวนั้นสวย ๆ เพียบเลย โดยเฉพาะอย่างยิ่งขับขึ้นเขามาเรื่อย ๆ ความเร็วไม่ต้องเยอะไม่ต้องรีบ หาที่ปลอดภัยจอดข้างทางก็สามารถถ่ายรูปได้ ก่อนข้ามถนนก็มองสักนิด เปิดไฟรถกระพริบไว้หน่อยก็ดี.. วิวสวย ๆ มีเยอะเตรียมกล้อง เตรียมอุปกรณ์กันฝนมาไว้ให้พร้อม.. เพราะถึงเวลามันจะจำเป็นสำหรับเราเสมอ…

…ตามไปชมว่าแม่ลาน้อยมีอะไรมากกว่าที่เห็นในนี้ได้ที่นี่เลย www.facebook.com/ForzanuFoto/posts/1529656850431168

…มาถึงที่พักที่ อ.แม่สะเรียง สถานที่ต่อไปที่ผมเขียนให้เป็นปลายทางของรีวิวอัลบั้มนี้.. คืนนี้เป็นอีกครั้งที่เราเลือกที่พักผ่านทาง Traveloka วิธีการจองก็ยังเหมือนเดิมค้นหาแล้วเลือก สุดท้ายก็มาถูกใจต้องชะตากับที่นี่เพราะชื่อที่พักอย่างเดียวเลยที่ดึงดูดเราจองที่พัก จนมาได้ “Above the sea” ที่แม่สะเรียงที่จองกับทาง Traveloka ได้ที่ https://www.traveloka.com/th-th/hotel/thailand/above-the-sea-boutique-guesthouse-3000010036882 “Above The Sea” ตั้งได้เท่มากเพราะมาที่นี่จะมีก็แต่ทุ่งนา และภูเขาแต่เจ้าของก็คิดตั้งเท่ ๆ ขึ้นมาแปลกันได้เป็นไทยว่า “เหนือจากทะเล” อืมมม ก็แน่นอนก็จะเป็นภูเขาท้องทุ่งเข้ากับที่นี่เป๊ะ.

…ที่พักเล็ก ๆ น่ารัก มีสระว่ายน้ำด้วย รถเช่ามอเตอร์ไซด์ก็มีให้เช่าบริการนักท่องเที่ยว โดยมากนักท่องเที่ยวก็จะนิยมเช่ามอเตอร์ไซด์ขี่ลัดเลาะไปตามเส้นทางถนนเหมือนกันกับที่ อ.แม่ลาน้อย จะต่างกันก็คือแค่ลักษณะของพื้นที่และวิวทิวทัศน์ที่เปลี่ยนไป…

…ใครมาที่แม่สะเรียงผมว่าที่พักที่นี่เหมาะเลยครับ ขนาดกำลังดีที่สำคัญอาหารอร่อยมาก.. อันนี้ประทับใจจริง ดูภาพอีกส่วนของ Above The Sea ได้ที่นี่เลยครับ https://www.facebook.com/ForzanuFoto/posts/1532063143523872

…อันดับแรกเมื่อมาถึงแม่สะเรียงแล้วเราก็ขอไปไหว้พระธาตุทั้ง 4 แห่งให้ครบก่อน เพราะสำหรับใครที่มาที่นี่แล้วหากมาไม่ครบไม่ได้แวะทั้ง 4 พระธาตุหลักที่นี่ อาจเสมือนว่ามาไม่ถึง…

…ซึ่งที่แรกที่เราไปก็คือ “พระธาตุจอมมอญ” เป็นพระธาตุที่อยู่ด้านบนเขา เมื่อขับรถขึ้นมาแล้วเดินมาสักการะที่ตัวพระธาตุจะเห็นวิวจากด้านบนมองลงไปแบบพาโนรามากว้างไกลสุดสายตาเห็นทิวเขาเป็นฉากหลังมองแล้วสบายตาสุด ๆ โดยเฉพาะในวันเขียว ๆ แบบนี้บอกได้คำเดียวว่าลมพัดเย็นและฟินาเล่มาก…

…ต่อมาก็คือ “พระธาตุจอมกิตติ” ซึ่งจะมีพื้นที่อยู่บนเนินเขาเช่นกัน แต่ว่าจะไม่สูงเท่าพระธาตุจอมมอญที่ผ่านมา ส่วนวิวก็ยังคงเห็นได้ชัดเจน แต่อาจจะติดต้นไม้ไปบ้างหากเทียบกับวิวที่พระธาตุจอมมอญแล้วที่นี่อาจเป็นรองอยู่นิด ๆ แต่เมื่อมาแล้วก็ต้องเก็บภาพความประทับใจกลับไปกันสักหน่อย

…มาถึงพระธาตุลำดับที่ 3 ได้แก่ “พระธาตุจอมทอง” ช่วงที่เรานั้นยังถือว่าโชคดีเพราะวันนี้ฝนไม่ตกหนัก จะมีบ้างแค่หยอมแหยมลงมาเล็กน้อย ในขณะที่ทั้งวันส่วนใหญ่ฟ้าจะเปิด.. นี่แหละครับคือการเที่ยวที่ได้ลุ้นไปวันต่อวัน เศร้าบ้าง ผิดหวังบ้าง สุขใจบ้าง.. ส่วนในวันนี้โชคดีเป็นของเรา

…ปิดท้ายกันที่ “พระธาตุจอมแจ้ง” เป็นพระธาตุเดียวที่อยู่ติดริมถนนขับมาจอดรถในวัดได้สบายพื้นที่กว้างขวาง เดินขึ้นบันไดไม่กี่ขั้นก็ถึงตัวพระธาตุด้านบน แวะไหว้พระเคารพสักการะสิ่งศักดิ์สิทธิ์คู่บ้านคู่เมืองเพื่อความเป็นสิริมงคลกันส่งท้าย ก่อนจะไปดื่มด่ำกับการหามุมสวย ๆ ของธรรมชาติท้องทุ่งนาที่มีภูเขาสวย ๆ อยู่ล้อมรอบในตอนเย็นเพื่อส่งท้ายการเดินทางแบบสุขสุด ๆ …

…การเที่ยวภายในอำเภอแม่สะเรียงนั้นจะให้สะดวกก็ต้องมีรถ จะเป็นรถอะไรก็ได้รถเก๋ง รถกระบะ หรือมอเตอร์ไซด์ จักรยานก็ยังได้ ก็สุดแท้แต่ใครสะดวกแบบไหนใครเดินทางกันแบบไหน เรี่ยวแรงก็ใช้กันไปคนละแบบแต่ที่ได้มาเหมือน ๆ กันก็คือความสุขในการเดินทาง การได้ออกมาเห็นความสวยงามของธรรมชาติที่อยู่ล้อมรอบตัวเราในแบบที่เราเฝ้ารออยู่ทุกวัน ๆ … มุมเล็กมุมน้อย มุมกว้างมุมใหญ่ก็อยู่ที่สายตาเราเป็นคนกำหนด เป็นอีกความสุขที่ใคร ๆ ก็อยากสัมผัส…

…เค้าว่ากันว่าสีเขียวนั้นทำให้สบายตาอันนี้ผมไม่เคยคิดจะเถียงเลย แต่หากมองลึกเข้าไปอีกนิดนอกจากสบายตาแล้ว การได้ยืนท่ามกลางธรรมชาติแบบนี้ยังช่วยเติมพลังสร้างพลังให้เราสบายจิตสบายใจขึ้นมาได้อีกด้วย.. สายลมที่พัดมาตอนบ่ายแก่ ๆ เริ่มเข้าช่วงเย็น ..ริ้วรวงข้าวที่พริ้วไหวไปตามกระแสลมนุ่มนวล และสวยงามเป็นเหมือนคำตอบที่ทำให้เรารู้ว่าเราต้องการความสุขกับธรรมชาติแค่ไหน… เพราะแค่ลำพังต้นข้าวพัดไปพัดมาแค่นี้เราเองยังมีความสุขได้ตั้งมากตั้งมาย

…แสงแดดของวันค่อย ๆ คลายความร้อนแรงลง อย่างที่บอกว่าโชคดีที่วันนี้ฝนไม่เทลงมาหนัก พร้อมกับช่วงเย็นนี้อากาศก็ยังแค่ครึ้ม ๆ อาจไม่ได้มีแสงสีทองสวยงามเจิดจ้ามากมาย แต่สิ่งที่ได้สัมผัสก็คือความนุ่มนวลของธรรมชาติ เสียงนกร้องบินกลับรัง เสียงแมลงที่เราไม่รู้อยู่ตรงไหน แต่ได้ยินเสียงอยู่ในไร่นา .. ล้วนเป็นเสียงแห่งธรรมชาติที่ทำให้เรายิ่งรู้สึกอิ่มเอม และประทับใจในอีกครั้งของการเดินทาง

…ภาพที่เห็นตอนนี้ล้อมรอบ 360 องศาด้วยทุ่งข้าวสีเขียวที่รอวันออกรวงเปลี่ยนเป็นเมล็ดข้าว เป็นรวงข้าวอีกครั้งในวันข้างหน้าอีกไม่กี่เดือน.. ถึงเวลานั้นพื้นที่สีเขียวตรงนี้จะกลายเป็นทุ่งนาสีทองที่ทิ้งห่างจากช่วงฝนทำให้มั่นใจได้ว่า ยามเย็นกับแดดอ่อน ๆ ที่สาดลงผืนนาในอีกไม่กี่เดือนข้างหน้านั้นจะต้องสวยงามในอีกรูปแบบหนึ่งเป็นอย่างแน่นอน

 

…ส่งท้ายการเดินทางที่แม่สะเรียงอย่างสมบูรณ์แบบ การเดินทางครั้งนี้จบลงไปอย่างที่เรียกว่าพอใจ และมีความสุขเกินกว่าที่วาดหวังไว้ ไม่ใช่แค่ได้ภาพสวย ๆ กลับมาแต่มากกว่านั้นคือการที่เราได้กลับมาหามาพาเท้าทั้งสองข้างมายืน พาสายตาออกมาเห็น ให้หูได้ฟัง ให้ผิวกายได้สัมผัสกับธรรมชาติที่อยู่กับเราตลอดเวลา ..

…ตามไปชมว่าแม่สะเรียงมีอะไรมากกว่าที่เห็นในนี้ได้ที่นี่เลย https://www.facebook.com/ForzanuFoto/posts/1530596967003823

…ตลอดระยะเส้นทางที่ผ่านมาได้เดินทางไปยังที่นั้นขับมาที่นี้ นอกเหนือไปจากได้เห็นวิวสวย ๆ คือสิ่งที่เราต้องการแล้ว ความปลอดภัยตั้งแต่เริ่มจนจบการเดินทางล้วนเป็นสิ่งที่ทุกคนปรารถนาเหมือนกับการเดินทางของผมในครั้งนี้กับเพื่อน ๆ และเจ้าเชฟโรเล็ตคันนี้ที่ผ่านทั้งทางลาดทางชันทางโค้งขึ้นเขาลงเขา ด้วยระบบป้องกันอุบัติเหตุต่าง ๆ ที่ช่วยให้เรามั่นใจในการเดินทางได้มากยิ่งขึ้น.. ต้องขอขอบคุณทางบริษัทเชฟโรเล็ตไทยแลนด์ที่ได้สนับสนุนให้เราได้นำ Chevrolet Trailblazer คันนี้ได้มาลองขับเทส .. ผลสรุปแล้วนอกไปจากความหล่อของตัวรถแล้ว สมรรถนะของรถก็ทำให้เรามั่นใจได้ในทุกสภาพถนนจริง ๆ…

…ปิดท้ายกับการเดินทางนี้ที่แม่สะเรียง ก่อนจะเตรียมพบกับการเดินทางครั้งต่อไปที่ไหนสักที่.. ขอบคุณการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทยจังหวัดแม่ฮ่องสอนที่มอบโปรเจคท์เที่ยวแม่ฮ่องสอนหน้าฝนให้เราได้สัมผัสกับความสวยงามเช่นนี้ และขอบคุณทุกคนที่ตามอ่าน หรือจะแค่ดูรูปก็ชื่นใจแล้ว… #เที่ยวแม่ฮ่องสอน #แม่ฮ่องสอน #DoiSter #Chevrolet #Trailblazer #FindNewRoads #NikonThailand

 

Facebook Comments
Please follow and like us:
20