… Nok Air ชวนเที่ยววิถีไทย “Tour of I-San Loei Classic ปั่นชิคชิค เลย – เชียงคาน”
…สวัสดีครับเพื่อน ๆ.. อัลบั้มนี้เป็นอีกครั้งที่ผมได้รับเกียรติให้ร่วมเดินทางถ่ายภาพ และร่วมทริปกับสายการบินนกแอร์อีกครั้ง ซึ่งครั้งนี้ยังคงเป็นทริปเกี่ยวกับการปั่นจักรยานเหมือนที่ผ่านมา โดยทางนกแอร์ได้จับมือร่วมกับการท่องเที่ยวแห่งประเทศไทย และ Bike Net พาสื่อมวลชนออกร่วมทริปกิจกรรมปั่นจักรยานโดยมีจุดหมายปลายทางที่ จ.เลย ภายใต้ชื่อโครงการว่า “Tour of I-San Loei Classic ปั่นชิคชิค เลย-เชียงคาน” ซึ่งกิจกรรมนี้จัดขึ้นเมื่อวันที่ 6-8 มิถุนายน 2558 ที่ผ่านไป โดยจุดประสงค์หลักของงานนี้ก็เพื่อกระตุ้นให้เกิดการเดินทางท่องเที่ยวในพื้นที่เขตแดนอีสานบ้านเรา และนอกจากเป็นการส่งเสริมการท่องเที่ยวประชาสัมพันธ์ด้วยแล้วที่มากไปกว่านั้น ครั้งนี้ยังมีการแข่งขันจัดขึ้นด้วยโดยทางทีมตัวแทนของสายการบินนกแอร์ก็เข้าร่วมปั่นจักรยานเส้นทางพิชิตจ้าวภูเขาด้วยเช่นกัน .. การแข่งขันในครั้งนี้เริ่มต้นขึ้นวันที่ 7 มิถุนายน โดยเป็นเส้นทางการปั่นจักรยานเพื่อสัมผัสความงามของธรรมชาติทั้ง สวนหินผางาม หรือที่คุ้นหูกันในนาม(คุนหมิงเมืองไทย) และ ภูป่าเปาะ(ฟูจิเมืองเลย) ซึ่งความสนุกสนานที่ท้าทายความสามารถของผู้เข้าร่วมปั่นจักรยานในครั้งนี้อยู่ที่สภาพภูมิประเทศที่มีเส้นทางค่อนข้างลาดชันสมกับฉายาดินแดนที่ราบสูง … ส่วนในด้านของเส้นทางการปั่นนั้นเริ่มต้นที่ศาลากลางจังหวัดเลย จากนั้นทีมปั่นทุกท่านก็จะปั่นไปตามเส้นทางโดยผ่านจุดท่องเที่ยวสำคัญ ๆ ในพื้นที่อำเภอวังสะพุง อำเภอหนองหิน เข้าสู่เส้นชัยที่สวนหินผางาม ก่อนจะจบกิจกรรมด้วยการขึ้นชมวิวที่ภูป่าเปาะ เบ็ดเสร็จรวมระยะทาง 70 กิโลเมตร …
…สำหรับการแข่งขันนั้นมีขึ้นในวันที่ 7 มิถุนายน แต่การเดินทางครั้งนี้เริ่มต้นตั้งแต่วันที่ 6 มิถุนายน ที่ท่าอากาศยานดอนเมือง และอย่างที่รู้กันดีสำหรับสายการบินนกแอร์ที่มอบสิทธิพิเศษให้สำหรับผู้ที่รักการปั่นจักรยานทุกท่านนั้นได้โหลดจักรยานของตัวเองขึ้นเครื่องได้ “ฟรี” โดยไม่มีค่าบริการ หรือค่าใช้จ่ายใด ๆ เพิ่มเติม เพียงแค่ผู้ใช้บริการนั้นต้องปล่อยลมยาง บรรจุแพคเกจหีบห่อจักรยานให้เรียบร้อยเพื่อความปลอดภัยของจักรยานก็เพียงพอจะเป็นกระเป๋า หรือกล่อง Hard Case ก็ได้ทั้งนั้น.. เมื่อเช็คอินที่เค้าน์เตอร์เรียบร้อยก็พร้อมออกเดินทาง ซึ่งเส้นทางจากท่าอากาศยานดอนเมืองไปยังท่าอากาศยาน จ.เลย สายการบินนกแอร์มีบริการวันละ 2 เที่ยวบินทุกวัน โดยไฟลท์แรกเช้าหน่อยกับไฟลท์ DD9704 รอบ 6.10 น. ถึง จ.เลย 7.15 น. และอีกรอบ DD9708 เวลา 14.10 น. ถึง จ.เลย 15.25 น. ซึ่งการเดินทางของเราในครั้งนี้ไปกันที่ไฟลท์ในช่วงบ่ายสอง…
…เมื่อถึงท่าอากาศยาน จ.เลย เป็นที่เรียบร้อย นักปั่นทุกท่านรวมทั้งสื่อมวลชนก็มุ่งหน้าเข้าที่พัก “โรงแรมเลยพาวิลเลี่ยน” ก่อนเป็นอันดับแรก จากนั้นนักปั่นก็มาเตรียมความพร้อมสูบลมจักรยาน เตรียมจักรยานของแต่ละคนจนพร้อมก่อนจะเริ่มกิจกรรมสำหรับวันนี้ด้วยการซ้อมปั่นเบา ๆ ชมบรรยากาศเส้นทาง โรงแรมไปยังศาลเจ้าพ่อกุดป่อง และศาลหลักเมือง ระยะทางเบา ๆ เรียกน้ำย่อยที่ 5 กิโลเมตร .. ก่อนจะเข้ารับประทานอาหารกันในช่วงเย็นที่ “ร้านครัวมะเดื่อ” จากนั้นก็รีบกลับที่พักเพื่อนักปั่นทุกท่านได้เก็บเรี่ยวแรงไว้สำหรับการแข่งขันในวันรุ่งขึ้นที่จะมาถึง…
…เช้าวันถัดมา 7 มิถุนายน 2558 การแข่งขันเริ่มขึ้นที่ศาลากลาง จ.เลย เวลาเริ่มแข่งขันโดยประมาณ 8 โมงเช้าเศษ ๆ นักปั่นที่เข้าร่วมกิจกรรมทุกท่านก็เริ่มปั่นออกจากจุดเริ่มต้นเพื่อพิชิตเป้าหมายเส้นทางยาวเกือบ 70 กิโลเมตร โดยจะมีการพักบ้างระหว่างทางเพื่อเติมพลัง และพักเหนื่อย ซึ่งบอกได้เลยว่าแต่ละจุดที่นักปั่นขี่จักรยานผ่านก็ได้รับเสียงเชียร์ และกำลังใจรวมไปถึงรอยยิ้มจากชาวบ้านที่มาคอยต้อนรับ และยืนชื่นชมกันอยู่ตามเส้นทางต่าง ๆ เรียกได้ว่าอบอุ่นและได้รับการต้อนรับดีอย่างล้นหลาม แบบนี้นักปั่นก็หายเหนื่อยครับ .. จากเส้นทางที่ผ่านมาทั้งทางคดเคี้ยวราบชันจนที่สุดก็มาถึงจุดเส้นชัยที่สวนหินผางาม ซึ่งรางวัลชนะเลิศอันดับ 1 นั้นตกเป็นของนักปั่นจักรยานจากทีมนกแอร์ที่คว้าตำแหน่งผู้ชนะเลิศไปครอง งานนี้ได้ของรางวัลที่ระลึกเป็นหน้ากากผีตาโขนที่เป็นเหมือนสัญลักษณ์อีกอย่างหนึ่งของ จ.เลย และเพื่อเป็นการโปรโมทส่งเสริมการท่องเที่ยวช่วงเทศกาลผีตาโขนที่จะจัดขึ้นเป็นทุกปีไปในตัว โดยปีนี้จัดขึ้นในช่วงปลายเดือนวันที่ 26-28 มิถุนายน 2558 อีกไม่กี่วันข้างหน้านับจากวันที่แข่งขัน…
…เมื่อการแข่งขันเสร็จสิ้นลงไปเป็นที่เรียบร้อยนักปั่นทุกท่านก็พักผ่อนจนหายเหนื่อย จนในที่สุดก็ถึงเวลาแห่งการปลดปล่อยความเหนื่อยล้า เสพความสุขกับธรรมชาติที่อยู่รอบตัวอย่างภูป่าเปาะ เมื่อคณะทีมงานและทุกฝ่ายพร้อมหน้าพร้อมตากันที่บริเวณลานจอดรถอีแต๊ก พร้อมรับฟังบรรยายถึงที่มาที่ไปรวมถึงรายละเอียดโดยสังเขปเกี่ยวกับพื้นที่บริเวณภูป่าเปาะ และบริเวณโดยรอบจนพอเห็นภาพก็ถึงเวลาขึ้นสู่ยอดจุดชมวิวที่ภูป่าเปาะกันเสียที .. และที่พิเศษแถมได้บรรยากาศแบบไทย ๆ อย่างที่สุดก็ต้องพึ่งบริการรถอีแต๊กที่เป็นกลุ่มชาวบ้านคอยต้อนรับนักท่องเที่ยวที่เดินทางมาที่นี่เป็นโชเฟอร์ขับพาทุกคนขึ้นไปยังด้านบนเส้นทางขับขึ้นสู่ด้านบนเป็นทางชันสลับทางราบตามสภาพภูมิประเทศ ทัศนียภาพสองข้างทางจะเห็นสีเขียวของธรรมชาติอยู่รอบตัว อากาศวันที่มานั้นแดดร้อนไม่เบาแต่เมื่อนั่งอยู่บนรถอีแต๊กแล้วลมที่พัดปะทะเข้ามาบอกได้เลยว่าเย็นสบาย นั่งไปเรื่อย ๆ นับจากตั้งแต่ก้นถึงเบาะรถที่ด้านล่างจนถึงจุดชมวิวแรกใช้เวลาประมาณ 15 นาที และจากนั้นก็นั่งรถรวมทั้งเดินในจุดชมวิวสุดท้ายที่จุดชมวิว 360 องศาที่ภูป่าเปาะ ที่เราต้องเดินเท้าต่ออีกประมาณ 10 นาที เป็นอันถึงด้านบนสูงสุด… ที่ภูป่าเปาะนั้นจุดชมวิวสามารถมองเห็นวิวทิวทัศน์ได้หลายทัศนียภาพในทิศเหนือเราจะเห็นถึงสวนหินผางาม ทิศตะวันออกจะเป็นเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูค้อ-ภูกระแต ทิศใต้เห็นเขตอำเภอน้ำหนาว จ.เพชรบูรณ์ และทิศตะวันตกที่เป็นไฮไลท์สำคัญของที่นี่คือเมื่อมองไปเราจะเห็น “ภูหอ” ภูเขาที่มีรูปทรงยอดเขาตัดแบนราบคล้ายภูเขาฟูจิที่ประเทศญี่ปุ่น โดยมีฉากหลังรองรับคือแนวเทือกเขาเขตรักษาพันธุ์สัตว์ป่าภูหลวง… โดยส่วนตัวแล้วผมอยากได้ยินคำว่า “ภูหอแห่งเมืองไทย” หรือ “ภูป่าเปาะ จุดชมวิวภูหอเอกลักษณ์แห่งแดนสยาม” มากกว่าที่จะได้ยินว่าฟูจิเมืองเลย .. เพราะนี่คือความงดงามของธรรมชาติที่อยู่ในบ้านเราที่ธรรมชาติได้รังสรรค์ขึ้นมาตามกาลเวลา และตามความเปลี่ยนแปลงของโลก แต่ไม่ว่าจะอย่างไรก็ตามในเมื่อความสวยงามยังอยู่ในบ้านเราสิ่งสำคัญที่สุดคงอยู่ที่การเดินทางมาท่องเที่ยวมาอยู่ในวงล้อมของธรรมชาติ และได้เสพความสุขนำกลับไปบอกต่อให้คนที่เรารักได้เดินทางกลับมากันอีก..
…เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็วการเดินทางสู่จุดหมายปลายทางของเราเริ่มต้นอีกครั้งเพื่อมุ่งหน้าสู่ อ.เชียงคาน จ.เลย ซึ่งจะเป็นที่เราฝากกายฝากใจไว้ในค่ำคืนนี้ก่อนเดินทางกลับในวันรุ่งขึ้น .. ภาพตัดมายังที่ถนนเล็ก ๆ บริเวณตัวเชียงคานหลังจากนำกระเป๋าเข้าที่พักอาบน้ำอาบท่าจนรู้สึกสบายดีขึ้นอีกครั้ง สายฝนที่พรำลงมาเบา ๆ ไม่แรงนักทำให้ผมชั่งใจว่าจะคว้ากล้องออกไปเดินสัมผัสความงามยามเย็นหรือไม่ หรือว่าจะนั่งพักผ่อนอยู่ในห้องแอร์เย็น ๆ ดี .. จนตัดสินใจได้ว่าแม้ครั้งนี้จะเป็นครั้งที่ 5 แล้วที่ได้มาที่เชียงคานแห่งนี้ แต่ขอเป็นอีกสักครั้งที่จะมามองดูว่าเปลี่ยนไปมากน้อยแค่ไหน ไม่รอช้าจึงหาถุงพลาสติกสักใบมาคอยคลุมกล้องไว้ระหว่างที่จะเดินถ่ายภาพ .. เชียงคานวันนี้เปลี่ยนไปมากจาก 10 ปีก่อนที่ผมเคยมาสมัยที่ยังไม่มีร้านค้าขายของมากมายขนาดนี้ ถนนเล็ก ๆ ฝั่งริมโขงที่แต่ก่อนไม่ได้เป็นอิฐตัวหนอนปูอย่างดีเหมือนในวันนี้ ร้านอาหารที่แต่ก่อนแทบจะนับได้ตามเส้นทางเดินเลียบริมน้ำแต่ในวันนี้มีผุดขึ้นมากมาย .. ทุกอย่างเปลี่ยนไปตามเวลาหลายอย่างไม่เหมือนเดิม แต่แน่นอนว่ามีบางอย่างที่ยังคงเดิมไม่มีเปลี่ยนขอแค่เราค้นพบมันหรือไม่ อากาศเย็นฝนตกพรำ ๆ เพื่อนร่วมเดินทางที่มาด้วยกันเดินฉีกหนีผมไปทีละนิด ๆ พร้อมกับผมที่เลือกก้าวเดินให้ช้าลงเพื่อต้องการความเงียบสงบ และอยากระลึกถึงเชียงคานในวันก่อนครั้งแรกอีกครั้ง .. จนผมก็ค้นพบเมื่อทุกอย่างอยู่ตรงหน้าแถมมากกว่าด้วยสีสันของท้องฟ้ายามเย็นวันนั้นหลังจากฝนตก แม้ไม่มีแสงแดดแต่ยังก่อให้เกิดรุ้งกินน้ำตัวอ้วน ๆ น่ารัก ๆ ที่ไม่คิดว่าจะได้เจอกับสภาพท้องฟ้าระเรื่อยามเย็นเช่นนี้ ก่อนจะปิดท้ายการเดินทางด้วยภาพของผืนฟ้าที่ธรรมชาติเป็นผู้ตวัดปลายพู่กันระบายสีสัน และริ้วเมฆริ้วน้ำในวันนั้นให้สวยงาม.. แม้วันเวลาอาจไม่เหมือนเดิม แต่ความสุขในการเดินทางต่างหากที่ยังชื่นใจเหมือนเดิมทุกครั้งที่ได้เจอะได้เจอ… ถ้ามีโอกาสคงได้พบกันอีกนะเธอ.. เชียงคาน
…ขอบคุณสายการบินนกแอร์สำหรับการเดินทางอันสวยงามอีกครั้งที่มอบเกียรติให้ผมได้ร่วมเดินทางทริปนี้อีกครั้ง … We Fly Smiles …
******************************************************
แผนที่ปั่นในเมืองวันที่ 6 มิถุนายน 2558
แผนที่เส้นทางแข่งขันจากหน้าศาลากลาง จ.เลย – ภูป่าเปาะ วันที่ 6 มิถุนายน 2558
***********************************