… “พุกาม (Bagan)”… การเดินทางครั้งนี้เป็นครั้งที่ 3 ในชีวิตที่ได้เดินทางมายังประเทศพม่า ซึ่งมาทุกครั้งก็จะต้องแวะมาพุกามให้ได้ และก็มีฤกษ์งามยามดีประจวบเหมาะให้ได้มาอยู่เรื่อย ๆ ครั้งแรก มัณฑะเลย์ – พุกาม 2014 / ครั้งที่สอง มัณฑะเลย์ – ทะเลสาบอินเล – พุกาม 2016 / ครั้งที่สาม(อัลบั้มนี้) พุกาม – ย่างกุ้ง 2018
…รีวิวนี้ขอเขียนไปเรื่อย ๆ ไม่ได้เน้นข้อมูลจริงจังอะไรมาก เพราะไปมา 2 ครั้งลงรายละเอียดไว้เยอะแล้วกับรีวิวเก่า ๆ ถ้าใครอยากอ่านก็สามารถไปตามอ่านกันได้นะตามลิ๊งค์ 2 อันนี้ มัณฑะเลย์ – พุกาม https://pantip.com/topic/32259749 และ มัณฑะเลย์ – ทะเลสาบอินเล – พุกาม https://www.airmosphere.net/content/757/
…เอาเป็นว่าเริ่มเรื่องกับเมืองพุกามในอัลบั้มนี้ที่ได้มีโอกาสไปมาสาเหตุก็เนื่องจากไปถ่ายภาพให้กับกลุ่มลูกค้าที่ไปเที่ยวกันโดยเน้นไปที่เมืองพุกาม 3 วัน ย่างกุ้ง 1 วัน แต่อัลบั้มนี้จะพูดถึงแต่พุกามล้วน ๆ ส่วนภาพที่ได้เห็นกันก็เป็นภาพวิว ภาพบรรยากาศเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่ได้ถ่ายมาระหว่างถ่ายภาพลูกค้าเที่ยว ๆ กันเราก็มีพอเก็บภาพวิวมาได้บ้าง.. โดยกลุ่มคณะเราได้ใช้บริการจากทาง บ. Napira Travel Stylist ที่วางแพลนเที่ยวและจัดสรรหาที่พัก ร้านอาหารทุกอย่าง.. ใครอยากลองใช้บริการหรือมีข้อมูลอยากถามทาง บ.Napira Travel Stylist เชิญที่ https://www.facebook.com/TravelStylistNapira ได้เลย … ส่วนอัลบั้มนี้แต่ละภาพก็ไม่ค่อยจะได้มีเวลาประดิษฐ์ประดอยมุมอะไรมาก เพราะถ่ายงานก็แทบจะไม่ทันแล้ว เจอสภาพอากาศประหนึ่งร้อนย่างสดเข้าไปช่วงปลายเดือนมีนาคม .. เช็คสภาพอากาศในมือถือขึ้น 38 องศา แต่ Feels Like นี่รับไปเลย 40 องศา ..
…ส่วนอุปกรณ์การเดินทางมาครั้งนี้ เริ่มตั้งแต่เสื้อผ้าคือรู้เลยว่าร้อนตับแลบก็จัดมาเสื้อยืดบาง ๆ บวกเสื้อเชิ้ตแขนยาวไว้คลุม .. ถามว่าร้อนมั้ยบอกเลยว่าเหมือนไก่อบฟางมาก.. แต่ก็ต้องใส่ 2 ชั้นเพราะเดี๋ยวกลัวผิวจะดำ 555 แต่สุดท้ายบางจังหวะทนไม่ไหวก็เหลือแค่เสื้อยืดนี่แหละ
…มาถึงอุปกรณ์หากินกันบ้างมาหนนี้แบกมาแค่เบา ๆ กล้อง 1 ตัว เลนส์ 4 ตัว (เบาตรงไหน) ที่บอกว่าเบาเพราะเป็นเลนส์ระยะทำการเดี่ยวซะเกือบหมดเริ่มตั้งแต่ Nikon 35 f/1.4 | Nikon 50 f/1.4 | Nikon 105 f/1.4 | Nikon 14-24 mm เป็นตัวเดียวไว้เก็บกว้าง ๆ ที่เหลือไว้ถ่ายคน แล้วก็เก็บมุมภาพแบบเจาะ ๆ อันนี้ก็ขอบคุณ บ. Nikon Thailand ไว้ด้วยนะครับที่อุปการะคุณเลนส์ให้ได้ใช้งาน
…ช่วงเวลาที่เดินทางมาก็ตามที่ได้บอกไปข้างต้นว่าอยู่ในช่วงปลายเดือนมีนาคม ส่วนครั้งก่อนที่เคยมาก็เดือนมีนาคมเช่นกัน แล้วก็อีกรอบตอนเดือนสิงหาคม .. แต่ก็นะขนาดสิงหาคมคิดว่าจะชุ่มชื่นหน้าฝนให้พอฉ่ำเย็นแต่ที่ไหนได้อากาศร้อนแทบไม่แตกต่างกันกับช่วงกลางหน้าร้อนแบบนี้ .. สรุปไม่ว่าจะมาที่นี่ยังไงก็ต้องเตรียมใจไว้เรื่องสภาพอากาศ “ยกเว้นช่วงหน้าหนาว” อันนี้ขอไฮไลท์ไว้หนา ๆ หน่อยให้พอมีความหวังกันบ้างสำหรับใครที่อยากมาพุกามแต่ไม่อยากร้อนเท่าที่อากาศมันจะร้อนได้ .. ผมถามไกด์ท้องถิ่นมาให้แล้วเค้าบอกว่าตั้งแต่ประมาณเดือนธันวาคม ถึง กุมภาพันธ์ ..อากาศจะเย็นสบายโดยเฉพาะธันวา และมกรา.. เป็นอันเข้าใจตรงกันว่าถ้าอยากแกล้งเพื่อนแกล้งใครให้มันร้อนไส้แตกให้ชวนมาได้ตั้งแต่มีนาคม ไปถึงสิงหากันยาโน่นเลย.. รับรองไม่ผิดหวังแน่นอน
…Nyuang U Market จำชื่อเรียกภาษาไทยไม่ได้จริง ๆ หาเสิรช์ในกูเกิ้ลเจอ 2 ชื่อ “เนียงอู” กับ “ยองอู” ก็ไม่รู้อันไหน.. เอาเป็นว่าปล่อยข้ามไปเพราะบอกแล้วรีวิวนี้เน้นคุยไปเรื่อย ๆ ..
…เป็นครั้งแรกเหมือนกันที่ได้มาเดินตลาดที่นี่แบบจริง ๆ จัง ๆ เรื่องของเรื่องก็คือลูกค้าแวะซื้อเสื้อผ้า หมวก ร่ม รองเท้า โสร่ง ผ้าพันคอ ฯลฯ เราเลยได้มาเดินด้วย.. บรรยากาศก็เหมือนตลาดเก่า ๆ ทั่วไป เป็นที่ที่ถ่ายรูปได้โอเคสนุกเลยนะสำหรับคนที่ชอบถ่ายแนววิถีชีวิต หรือเก็บบรรยากาศของผู้คน สิ่งของ ต่าง ๆ นานาที่ไม่ได้เน้นจะต้องเป็นตลาดสวย สะอาด ทางเดินเรียบร้อยมันก็ไม่ใช่.. แต่ฟิวล์ก็ได้ตามสไตล์พม่านี่แหละ เดินเพลิน ๆ เลนส์สักช่วง 35 mm สักตัวก็โอเคเลยนะ อาจจะไม่กว้างมากแต่ถ่ายเจาะถ่ายเก็บบรรยากาศนี่ได้โอเคเลย ..
…คือการเดินทางมาพุกามบางคนที่ไม่เคยมา หรืออาจไม่รู้ก็จะคิดว่ามีแต่ทะเลเจดีย์ มีแต่วัดเก่า ๆ แต่จริง ๆ อีกไฮไลท์ของการมาเยือนที่นี่ก็คือ “การล่องเรือแม่น้ำอิรวดี” เป็นที่แน่นอนว่าวิวนั้นอาจจะไม่ได้แตกต่างบ้านเราเท่าไหร่นัก แต่นึกไปนึกมาบ้านเราจะหาล่องเรือแบบแม่น้ำกว้าง ๆ ก็นึกไม่ค่อยจะออกนะ .. แม่น้ำเจ้าพระยาใจกลางกรุงเทพก็ไม่ได้ฟิวล์ธรรมชาติ หรือมีที่ไหนอีกก็นึกไม่ออกจริง ๆ ดังนั้นการได้มาล่องเรือที่นี่ก็ถือว่าไม่น่าผิดหวัง (เพียงแต่ก็อย่าหวังมากว่าวิวจะแบบเหมือนล่องเรือชมทะเลสาบที่คาวากูชิโกะ ชมฟูจิซังอะไรขนาดนั้น) อันนี้พม่าก็จะสวยงามงดงามตามแบบพม่า…
…♪ พักตรงนี้..ดีกว่า.. หยุดและพักให้คลาย..หายเหนื่อย ♫ สายลมไหว..โชยเอื่อย เหนื่อยให้คลายได้แรงกลับคืน..เหมือนเดิม ♫
…ความสุขน่ะหรือ.. ก็คือการได้นั่งให้ลมพัดกระแทกหน้า ให้ตาที่ฉ่ำ ๆ ค่อย ๆ แห้ง.. จนต้องควักน้ำยาหยอดตามาช่วย เพราะลมพัดมาตลอดเวลาเย็นสบาย นั่งหายใจทิ้งมองท้องน้ำผืนฟ้า คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย.. แค่นี้ก็เป็นวันพักผ่อนอีกหนึ่งวันสบาย ๆ ได้ไม่ยากแล้ว..
…Bagan Lodge Hotel … หนึ่งในสุดยอดที่พักแห่งเมืองพุกามที่ติดอันดับต้น ๆ ทั้งด้านประสบการณ์ความยาวนาน / ขนาดของพื้นที่รีสอร์ท / สระว่ายน้ำขนาดใหญ่ 2 สระ / บรรยากาศที่ร่มรื่นท่ามกลางเมืองอันร้อนฉ่า และแน่นอนว่าราคาก็สูงด้วย .ผมลองกดเข้าเวปจองโรงแรมดูเล่น ๆ อยู่ที่อย่างต่ำมีคืนละประมาณ 4 พัน(ช่วงเมษานะ) แล้วก็ลองกดไปเล่น ๆ ต่อไปอีกที่เดือนธันวาคมช่วงเสาร์-อาทิตย์ก่อนคริสต์มาส ราคาเหาะไปที่ 6 พันกว่าบาท.. บางห้องเป็นหมื่นเลยก็มีนะ OMG!!!! .. คือรู้สึกว่าชีวิตเป็นบุญมากที่ได้มานอนที่นี่เป็นครั้งที่ 2 ครั้งแรกเดินทางมากับสายการบินบางกอกแอร์เวย์จัดแฟมทริปก็ได้มานอนที่นี่ มาหนนี้ได้กลับมานอนที่นี่อีกบอกได้คำเดียวว่า “โชคดีเหลือเกิน” ที่ได้มาทำงานแล้วได้นอนที่พักดี ๆ แบบนี้..
…แต่ครั้งที่ต้องออกตังค์มาเองเมื่อ 2 ปีก่อนนี่สิ.. ไปนอน Guesthouse คืนละ 800 กว่าบาท(จำไม่ค่อยได้) แม้จะนอนหลับเหมือนกัน แต่ฟิวล์มันต่างกันสุดขั้ว ..เอาเป็นว่าใครจะนอนที่นี่ก็คงเก็บตังค์ไว้เที่ยวดีกว่าเนาะ..
…คือการจะเที่ยวให้เราได้สัมผัสกับวิถีชีวิตท้องถิ่นอะไรกับที่นั้น ๆ แบบอินเนอร์มาเต็ม ซึ่งหากมีโอกาสแล้วก็น่าจะเลือกให้เข้ากับบรรยากาศของสถานที่นั้นบ้างอย่างเช่นการ “นั่งรถม้า” เที่ยวชมเมืองพุกาม .. คือก็ไม่ได้ว่านั่งชมเมืองพุกามทั้งเมืองเป็นแน่ ถ้าเราไม่สำลักฝุ่นไปซะก่อน ม้าก็อาจจะเป็นลมไปเสียก่อนก็ได้.. การนั่งรถม้าจึงใช้เวลาไม่นานราว ๆ 1-2 ชั่วโมง (คืออันนี้คงแล้วแต่ตกลงกับคนขี่ม้าว่าเราจะจ่ายเท่าไหร่ นั่งกี่ชั่วโมง ไปไหนบ้าง) ซึ่งบอกคำเดียวว่าไม่รู้เหมือนกันเพราะทริปนี้มีหน้าที่ถ่ายรูปอย่างเดียว เรื่องข้อมูลเลยไม่ได้ถามเลย(ใครจะโกรธก็ได้นะ) แต่ก็ยอมรับว่ามีบ้างที่อยากเขียนอะไรแบบสบาย ๆ …
…ข้อแม้ที่ขอแนะนำเลยสำหรับใครที่อยากนั่งรถม้าก็จัดการหาหน้ากากมาปิดปากปิดจมูกกันฝุ่นไว้ด้วยจะเป็นการดีที่สุด… เพราะจากเท่าที่เดินทางมาหลายประเทศ แม้จะไม่มากเท่าใครเขา แต่ขอบอกเลยว่า “พม่า และอินเดีย” นี่คือ 2 ประเทศที่ผมว่าฝุ่นเยอะที่สุดในโลกแล้วเท่าที่เคยเผชิญมา… แต่ถ้าใครไม่ชอบ ใส่แล้วอึดอัด ผมว่าก็ช่างมันเถิด.. ปล่อย ๆ ไปฟืดฟาดเข้าไปสักพักจมูกเราจะยอมรับสภาพไปเอง..
…คือมาพุกามครั้งแรกก็เที่ยวด้วยการนั่งรถบัส(เหมือนครั้งนี้แหละ แต่ครั้งนี้มีได้นั่งรถม้าด้วย) ก็จะเย็นสบายเมื่ออยู่บนรถบัส แต่พอลงมาปุ๊บร่างกายจะบอกทันทีว่าแทบทนไม่ไหว… ส่วนอีกครั้งที่มาเองครั้งก่อนรอบที่นอนเกสท์เฮ้าส์นั่นคือ เช่าแท๊กซี่เช่ารถเก๋งนี่แหละ แต่มีคนขับให้นะรอบนั้นได้วัยรุ่นหนุ่มน้อยชื่อ “จ๊อกกุง” เป็นโชเฟอร์พาขับตระเวนทั่วพุกามเลย .. ขอแปะลิ๊งค์เฟซบุ๊คจ๊อกกุงไว้หน่อยเผื่อจะช่วยจ๊อกกุงทำมาหากินได้บ้าง https://www.facebook.com/profile.php?id=100010699546396 สำหรับใครที่สนใจอยากติดต่อหาคนขับรถ ผมว่าจ๊อกกุงนี่โอเคเลย.. เป็นรถเก๋งขับเย็นสบาย อยากจอดตรงไหนบอก บางที่ไม่อยากจอดแต่จ๊อกกุงบอกสวยเราก็ต้องลงนะ 5555
…ย้อนกลับไปก่อนที่จะเกิดแผ่นดินไหวที่พุกามเมื่อ 2 ปีก่อน นักท่องเที่ยวทั้งหลายจะมีความสุข จะมีความตื่นเต้นกับการได้ขึ้นไปชมวิวสูง ๆ ตามวัด ตามเจดีย์ต่าง ๆ ที่เขาอนุญาตให้ขึ้น เพื่อไปชมพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตกสวย ๆ กัน.. แต่ล่าสุดเอาเป็นว่านับจากนี้ที่เขียนรีวิวนี้อยู่ เมษายน 2018 ทางพม่า ทางเมืองพุกามก็มีกฏออกมาแล้วว่า “ไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นชมเจดีย์ ณ จุดชมวิวต่าง ๆ อีกต่อไป” อันนี้ได้คำยืนยันมาจากไกด์สาวพม่าบอกให้ผมฟัง บอกว่าเค้าจะเป็นมาตรการแล้วเพราะหลายแห่งก็ยังต้องทำนุบำรุงมาสร้างใหม่ .. แล้วก็เลยไม่อยากให้ใครขึ้นอีก..
…ดังนั้นเรื่องการจะหามุมสูง ๆ ถ่ายวิวแบบมองลงมาก็เลยกลายเป็นเรื่องยากไปแล้ว.. แต่ก็ยังพอมีเนิน ณ จุดนี้อยู่จุดหนึ่ง.. ไม่รู้ชื่อเช่นกัน แต่ถ้าใครอยากขึ้นมาผมว่าเซฟรูปแล้วเอาให้คนขับดูน่าจะหาได้ไม่ยาก.. เอาใจช่วยนะครับ
…Dhammayangyi Temple : วิหารธัมมะยังจี…
…เป็นอีกหนึ่งวัดที่ผมว่าถ่ายรูปคนได้สวยมากนะกับมุมตามซุ้มประตูต่าง ๆ ยิ่งบางจังหวะรอแสงมาลง หรือมีแสงเรื่อ ๆ ส่องมาสักนิดสักหน่อย นอกจากจะเพลินไปกับการถ่ายภาพวิวแล้วก็ยังเป็นอีกที่ที่ถ่ายภาพคนได้อยู่หลายมุมเลย… ช่วงที่ผมมาถึงตรงวัดนี้ก็ประมาณ 4 โมงเย็น แดดกำลังสวยเลย ถ่ายคนเสร็จแล้วก็เปลี่ยนเลนส์มาใส่เลนส์กว้าง ๆ เก็บภาพแบบกว้าง ๆ กันบ้าง.. คือสิ่งหนึ่งที่จะขาดไม่ได้เมื่อมาเที่ยวสถานที่ที่มีความอลังการก็คือ เลนส์มุมกว้างนี่แหละที่จะช่วยให้เราเก็บภาพได้ครบตั้งแต่ซ้ายจรดขวา.. สถานที่ประมาณพุกาม นครวัด นครธม อยุธยา สุโขทัย พวกนี้ต้องมีเลนส์วายด์ติดมาด้วยนะไม่งั้น… ยากเลยหากจะได้ภาพที่เก็บครบ ๆ แบบนี้กลับไป ซึ่งระยะทำการเลนส์ที่ผมใช้ Nikon 14-24 mm นั้นเป็นองศารับภาพที่กว้างตอบโจทย์ได้ดีมากจริง ๆ
…พุกามในวันนี้หลังจากที่ได้ไปตามจุดต่าง ๆ ที่เคยไปมาแล้วจากสองครั้งก่อน.. หลายสิ่งหลายอย่างยังคงเหมือนเดิมกับวิถีชีวิตของผู้คนที่ดูอาจไม่มีการเปลี่ยนแปลงอะไรนักหากนับจาก 4 ปีที่ผ่านมา แต่บางสิ่งบางอย่างก็มีการเปลี่ยนแปลงไปบ้างตามกาลเวลา…
…Ananda Temple.. “วัดอนันดา” คืออีกสิ่งหนึ่งที่ยังคงความเป็นเหมือนเดิมได้ไม่เปลี่ยนแปลง สถาปัตยกรรมของที่นี่ว่ากันว่าเป็นวัดที่งดงามที่สุดอีกแห่งหนึ่งของประเทศพม่า …ภายในอาจจะมืดไปเล็กน้อยสำหรับใครที่จะถ่ายภาพก็อาจต้องเร่ง ISO กันหน่อย .. ส่วนภายนอกนั้นไม่มีปัญหาเคยมาแล้วสวยยังไง ตอนนี้ได้มาเดินอีกครั้งก็ยังงดงามเหมือนเดิม
…อีกหนึ่งความงดงามของเมืองพุกาม “Shwezigon Pagoda : เจดีย์ชเวสิกอง” คือถ้าย่างกุ้งมีชเวดากอง ที่พุกามก็จะมีชเวสิกองเป็นไฮไลท์เอกเช่นกัน.. ซึ่งบอกได้เลยว่าเจดีย์ชเวสิกองนี้เป็นเจดีย์สีทองที่ผมว่ายิ่งใหญ่ และงดงามที่สุดในพุกามแล้ว.. ตัวของเจดีย์สีทองนั้นผมว่าถ้าเราเดินทางมาช่วงเย็น ๆ ที่แสงแดดส่องนั้นจะยิ่งสวยงาม (แต่ไม่ใช่ตามในภาพนะ อันนี้มาเย็นไปหน่อยช่วงแดดส่องจนท้องฟ้าเข้ม ๆ นั้นหายไปหมดแล้ว) แต่อีกช่วงหนึ่งที่ผมว่างดงามไม่แพ้กันก็คือช่วงทไวไลท์ที่เราจะได้เห็นภาพของเจดีย์สีทองอร่ามตัดกับท้องฟ้าสีน้ำเงิน.. ดังนั้นใครมาเยือนพุกามผมว่านี่เป็นอีกหนึ่งโมเม้นท์เลยสำหรับคนที่อยากได้ภาพสวย ๆ กลับไป..
…ปิดท้ายกันด้วยอีกหนึ่งกิจกรรมที่ว่ากันว่าติดอันดับโลกกับเค้าด้วยเหมือนกันก็คือการ “ขึ้นบอลลูนชมอาณาจักรพุกาม” …
…จากข้างต้นที่ผมมีเกริ่น ๆ ไปบ้างว่าหลายอย่างในพุกามยังคงเหมือนเดิม แต่หลายอย่างก็เปลี่ยนไป.. อย่างน้อยการขึ้นชมวิวเมืองพุกามที่อาจทำไม่ได้เหมือนเดิม เพราะตอนนี้ทางการได้มีกฏออกมาแล้วว่าไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นจุดชมวิวตามเจดีย์ต่าง ๆ ได้เหมือนเมื่อก่อน (ยังไงผมแนะนำให้เช็คข้อมูลกันอีกทีนะครับ เพราะอาจมีการเปลี่ยนแปลงในอนาคต) แต่ตอนนี้อัพเดทถึงปลายเดือนมีนาคม 2018 และจากที่ถามไกด์ท้องถิ่นที่นี่เค้าบอกว่าทางการก็จะไม่อนุญาตให้นักท่องเที่ยวขึ้นอีกต่อไป.. เอาว่าเราก็รอข่าวคราวกันไปเรื่อย ๆ ..
…สำหรับใครที่จองบอลลูนกับบริษัทไหนไว้ทางบริษัทนั้นก็จะมารับเราที่โรงแรมในตอนเช้ามืด เพื่อนำมายังจุดปล่อยบอลลูนกันประมาณตี 5 แล้วก็รอฟังคำบรรยาย กฏ ระเบียบต่าง ๆ ให้ชัดเจน.. ส่วนเรืองสภาพอากาศนั้นก็จะเช็ค และดูเป็นวัน ๆ ไปว่าสะดวก และเหมาะสมมากน้อยแค่ไหนในแต่ละวัน.. ซึ่งการที่เราจะเห็นท้องฟ้าสวย ๆ เห็นวิวเจดีย์จากมุมสูงได้ชัดเจนหรือไม่นั้น ผมบอกแบบให้เตรียมใจกันไว้ได้เลยว่าอยู่ที่ดวงล้วน ๆ เพราะบางวันขึ้นไป แต่หากสภาพอากาศไม่ดีก็อาจจะไม่ได้เห็นอะไรก็เคยมาแล้ว.. ดังนั้นควรลองดูเช็คสภาพอากาศกันให้ดี
…คือถ้าเป็นแต่ก่อนการมานั่งรอเฝ้าชมดวงอาทิตย์ขึ้นนั้นเป็นอะไรที่มีความสุขมาก ย้อนกลับไปต้องรีบตื่นแต่ตี 4 เพื่อเดินทางมายังเจดีย์ที่เราเป้าหมายไว้ ปีนขึ้นไปตั้งแต่ท้องฟ้ายังไม่สว่าง.. ไปยืนจับจองพื้นที่เพื่อเฝ้ารอพระอาทิตย์ขึ้นก็เป็นความสุขในอีกรูปแบบ แต่การขึ้นบอลลูนนั้นก็ให้อะไรที่มากกว่า.. บอลลูนนึงขึ้นได้ประมาณ 12 คน เมื่อขึ้นไปแล้วก็ที่ใครที่มันจะสลับกันได้ก็ค่อย ๆ กระเถิบ ๆ กระดึ๊บ ๆ กันให้ระมัดระวังเพื่อความปลอดภัย.. ส่วนวิวนั้นอย่างที่แน่นอนว่าจะเป็นมุมสูงแบบพีค ๆ เลย
…เอาจริง ๆ ถ้าต้องเดินทางมาเองเพื่อที่จะตั้งใจมาขึ้นบอลลูนผมว่าเราควรต้องมีงบประมาณที่มากพอระดับหนึ่ง.. เพราะค่าขึ้น Hot Air Balloon นั้นตีไปอยู่ที่ประมาณ 300 กว่าเหรียญ ตกเป็นเงินไทยก็ประมาณ หมื่นต้น ๆ ซึ่งหากเอามาคำนวณแล้วเราสามารถเอาค่าขึ้นบอลลูนมาเที่ยวทริปพุกามได้สบาย ๆ เลยอย่างต่ำต้องมี 4-5 วันแน่นอน.. แต่ก็เอาที่ตามความเหมาะสมของแต่ละคนกันไป..
…การจะชมบอลลูนให้ได้สวย ๆ นั้นไม่ต้องใช้อะไรมากมาย ใช้เพียงอย่างเดียวเลยที่จำเป็นก็คือ “ดวงล้วน ๆ ” ที่บอกดวงเพราะสภาพอากาศนั้นจะเป็นตัวแปร และตอบได้ว่าเราจะได้เห็นทัศนียภาพงดงามชัดเจนเพียงใด บวกกับสภาวะของแรงลมที่เป็นใจให้เรามากน้อยแค่ไหน… อย่างในช่วงวันที่ผมเดินทางมานี้ไม่มีฝน ลมนิ่ง แม้สภาพอากาศจะขุ่นไปหน่อยแต่ก็ยังเห็นภาพเจดีย์เรียงรายอยู่ด้านล่างได้อย่างชัดเจน..
…อยู่บนบอลลูนการถ่ายภาพนั้นก็ถ่ายได้ปกติ กระเป๋ากล้อง+เลนส์ หากจะทำการเปลี่ยนเลนส์ ขอแนะนำเลยว่าให้วางไว้ที่พื้นบนบอลลูนจะดีกว่าสะพายไว้แน่นอน.. ส่วนเลนส์ผมว่ายังไงต้องมีแน่ ๆ ก็คือช่วงเทเลซูมที่เราจะได้ดึงวัตถุดึงภาพของบอลลูนที่ลอยล่องอยู่ไกล ๆ ให้เข้ามาได้ใกล้ ๆ … ส่วนเลนส์วายด์ผมว่าอาจจะไม่จำเป็นเท่าไหร่เพราะพอขึ้นมาแล้วมันก็จะเห็นวิวกว้าง ๆ แต่ถ้าอย่างผมก็ยังแบกขึ้นมานะ 555 เพราะกลัวว่าไม่มีแล้วจะหงุดหงิด เอาเป็นว่ามีตัวไหนก็แบกขึ้นมาให้หมดก็ได้แค่อย่าลืมแจ้งน้ำหนักของอุปกรณ์ บวกกับน้ำหนักตัวเรากับทางเจ้าหน้าที่ก่อนขึ้นก็พอ เพื่อให้ทางบริษัทบอลลูนได้คำนวณน้ำหนัก.
…การเดินทางที่มีความหมาย ประสบการณ์ในการเดินทาง แม้จะเดินทางมาด้วยกันแต่ย่อมแตกต่างกันไปมากน้อยตามแต่ละคน.. สำหรับผมเองปิดท้ายการเดินทางครั้งที่ 3 ของเมืองพุกามในรอบ 6 ปี ก็ยังรู้สึกดี และรู้สึกประทับใจเหมือนเช่นเคย แม้รายละเอียดการเดินทางจะต่างกันไปในแต่ละครั้ง แต่ภาพที่ได้กลับมา และประสบการณ์ที่ได้เห็นได้รับนั้นไม่เคยจะเหมือนเดิมจริง ๆ …
…เป็นอันปิดท้ายการเดินทางสู่พุกามแบบสวยงามกับภาพของบอลลูนลอยล่องเต็มท้องฟ้า .. พร้อมกับหวังว่าสักวันพุกามจะยอมให้เราขึ้นไปชมวิวพระอาทิตย์ขึ้น พระอาทิตย์ตกตามเจดีย์ต่าง ๆ ได้เหมือนเดิม..
…เรื่อง/ภาพ : ภานุวัฒน์ เอื้อชนานนท์ (Forzanu)
…เดินทางช่วง 26-29 มีนาคม 2018