Belgium : 4 เมืองน่าเที่ยว Antwerp – Brussels – Ghent – Bruges
…4 เมืองแห่ง “เบลเยี่ยม” ยอดเยี่ยมสมชื่อจริง ๆ ..
…มินิรีวิวนี้ “เที่ยวผ่านเลนส์” มีภาพสวย ๆ จาก 4 เมืองท่องเที่ยวขึ้นชื่อจากประเทศเบลเยี่ยมมาฝากกันครับ.. เป็นผลพวงจากการได้เดินทางไปถ่ายภาพให้กับลูกค้ากรุ๊ปทัวร์ของ บ. We are Wanderlust ที่จัดทริปเดินทางไล่ตั้งแต่ ฝรั่งเศส > เบลเยี่ยม > เนเธอร์แลนด์ เบ็ดเสร็จ 10 วัน.. ซึ่งอัลบั้มแรกที่ภูมิใจนำเสนอเลยก็คือ 4 เมืองของเบลเยี่ยมที่ได้ไปเที่ยวมาบอกเลยว่ามันดีงามเกินคาดจริง ๆ .. ใครสนใจโปรแกรมนี้ หรือโปรแกรมเดินทางที่ไหนติดตามได้ที่ https://www.facebook.com/Wearewanderlusttravel/
…เข้าเรื่องเมืองทั้ง 4 กันต่อ .. เริ่มตั้งแต่ Antwerp – Brussels – Ghent – Bruges แต่ละเมืองก็มีเอกลักษณ์ต่างกันไปตามแต่ละเมืองเรียกว่าจากที่ไม่ค่อยได้รับรู้อะไรเกี่ยวกับประเทศนี้ แต่พอมาเจอก็ถึงกับประทับใจมาก ๆ…ส่วนจะเป็นอย่างไรนั้นค่อย ๆ ชมภาพตามกันไปเรื่อย ๆ ได้เลย .. อ้อ !!! บอกไว้ก่อนว่าจริง ๆ แต่ละเมืองนั้นก็จะมีมุมสวย ๆ มีที่เที่ยวอยู่อีกหลายจุด แต่เนื่องจากการเดินทางที่ออกไปทำงานซะมากกว่าทำให้ผมเก็บภาพมาได้แค่ประมาณหนึ่ง.. คิดซะว่าเป็นของฝากให้แก่ใครที่คลิ๊กมาเจอ หรืออาจจะอยากแพลนไปที่เบลเยี่ยม หรือแม้แต่ใครที่ไม่เคยลองเปิดใจดูเปิดใจชมกันได้เลยจ้าาา…
…ขอกล่าวถึงผู้มีอุปการะคุณสักหน่อย #WeAreWanderlustTravel ขอบคุณมาก ๆ ที่ส่งผมไปเป็นช่างภาพประจำทริปจนได้ภาพสวย ๆ มาเพียบเลย
#NikonThailand ขอบคุณ บ.นิคอนไทยแลนด์ที่ไว้วางใจให้หยิบยืมอุปกรณ์ไปร่วมทริปนี้ด้วย …ภาพในอัลบั้มนี้อุปกรณ์ก็ตามนี้เลยนะครับ
Nikon D750
AF-S NIKKOR 14-24mm f/2.8G ED
AF-S NIKKOR 35mm f/1.4G
AF-S NIKKOR 70-200mm f/2.8G ED VR II
———————————————————–
“ANTWERP”
…Antwerp (แอนต์เวิร์ป) เปิดตัวกันด้วยเมืองที่ขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 รองจากกรุงบรัสเซลส์ด้วยเมือง Antwerp นี้กันก่อนเลย..
…ที่เห็นในภาพผ่านพ้นแนวที่จอดรถจักรยานไปก็คือ “Antwerp Central Railway Station” ตอนแรกที่รู้ว่าเป็นสถานีรถไฟก็แทบไม่อยากจะเชื่อหรอกนะ เพราะดูจากทรวดทรงสถาปัตยกรรมแล้วบอกเลยว่านี่มันคือพระราชวังขนาดย่อม ๆ ชัด ๆ .. ที่ไหนได้เป็นสถานีรถไฟประจำเมือง Antwerp ซึ่งก็มีเส้นทางวิ่งไปเมืองนั้นเมืองนี้ต่าง ๆ มากมาย…
…ให้ดูกันชัด ๆ อีกสักมุมแบบกว้าง ๆ จัดไปที่ช่วงเลนส์กว้างสุด 14 mm จากเลนส์ Nikon 14-24 F2.8 (ใจจริงอยากเดินไปให้กลางกว่านี้นะ แต่มันเป็นถนนเลยคิดว่าไม่เสี่ยงดีกว่า ไกลบ้านเราด้วยขอเอาแบบปลอดภัย ๆ ไว้ก่อนมันจะดีที่สุด)
…จากนั้นก็เดินเข้ามาเรื่อย ๆ แหงนหน้าไปทีสิ่งที่รู้สึกได้คือ “ความอลังการ” แบบที่ไม่คิดว่านี่มันใช่สถานีรถไฟจริงหรือ…
…ภายในสถานีรถไฟด้านในนั้นออกแบบตกแต่งไว้สวยมาก ซึ่งจะว่าไปแล้วที่นี่คือสถานีรถไฟเก่าแก่ที่เปิดใช้ตั้งแต่ปี 1905 .. ตอนนี้ 2018 .. หักลบแล้วเปิดมา 113 ปี ผ่านน้ำผ่านฝนผ่านแดดมาแบบยาวนานจริง ๆ
…อีกสักใบกับด้านใน.. จะเห็นว่าแม้แต่ชาวยุโรปด้วยกันเองก็ยังถึงกับมาเรียนรู้เรื่องราว มาฟังประวัติศาสตร์เรื่องเล่าของสถานีรถไฟแห่งนี้กัน.. เข้าใจได้ว่าพวกนักท่องเที่ยวที่มาก็มากับไกด์ก็จะอธิบายโน่นนี่นั่นให้ฟังกันไป..
…ตัวผมเองมีเวลาเดินเล่นอยู่ที่ Antwerp แค่เพียง 2-3 ชั่วโมงเท่านั้น เอาจริง ๆ ยังแทบจะไม่ได้เที่ยวตรงจุดไหนซะด้วยซ้ำ.. เวลาก็หมดไปกับการเดินไปแบบมั่ว ๆ แต่เมืองนี้เท่าที่เดินไปเดินมาก็คืออีกเมืองในยุโรปที่เคยมาแล้วรู้สึกว่าเดินสบาย ไม่อึดอัดไม่คับแคบ ยังมีมุมสวย ๆ ให้ถ่ายรูปเล่นได้อยู่พอสมควร
…เปลี่ยนเลนส์จากเก็บภาพกว้าง ๆ มาเจาะ ๆ ก็สนุกดี .. หาอะไรถ่ายแบบไม่ต้องคิดอะไรมากก็เพลินดีไม่น้อย
…เนื่องจากไม่มีเวลาแวะที่เที่ยวที่อื่นเลยก็ได้แต่เดินตามถนนเล็ก ๆ ไปเรื่อย ๆ อาศัยว่าบ้านเมืองสะอาด แม้แดดจะแรงแต่สภาพอากาศก็ยังเย็น ๆ อยู่.. ช่วงที่มาตรงกับต้นเดือนพฤษภาคมอากาศนี่เดินสบายมาก…
…บรรยากาศของ Meir Street (คือชื่อถนนที่กำลังเดินอยู่) ก็คราคร่ำไปด้วยผู้คนต้องใช้คำนี้จริง ๆ เพราะนอกจากนักท่องเที่ยว ชาวเมืองแอนต์เวิร์ปเองแล้ว ไหนจะเป็นพวกที่มีการแสดงริมถนน.. อย่างในภาพนี่ก็ยกเปียโนมาเล่นกันเลย เดินไปฟังเพลงไปบอกได้คำเดียวว่าเพลินมาก
…หลังจากนั้นเดินไปเดินมาก็เพิ่งรู้ตัวว่าหลุดเข้ามาอยู่บริเวณย่านช๊อปปิ้งแหล่งสินค้าแบรนด์เนมทั้งหลาย Zara, H&M, Uniqlo, Chanel, Lacoste, Massimo Dutti โอยยเยอะมากพิมพ์ไม่หมดนี่เอาแค่ที่พอนึกได้ในหัว.. เรียกได้ว่าเป็นแหล่งละลายทรัพย์จริง ๆ เพราะนอกจากสินค้าแล้ว ร้านอาหาร ร้านกาแฟก็มีอีกเพียบ
…สรุปโดยรวมที่ได้มีเวลาพอเดินเก็บภาพ(หลังจากถ่ายภาพลูกค้าเสร็จแล้ว)ซึ่งแม้จะเห็นอะไรเกี่ยวกับเมือง Antwerp ได้ไม่เยอะ แต่ก็พอซึมซับได้ว่านี่เป็นอีกเมือง และบริเวณนี้ก็คืออีกจุดที่หากใครได้มาแล้วก็น่ามาเดินเล่นถ่ายรูปเล่นกัน.. โดยเฉพาะ ๆ เราชาวต่างชาติที่ไม่ค่อยจะได้สัมผัสบรรยากาศแบบนี้บอกเลยว่าเดินแล้วมีความสุขมาก…
…บ๊ายบาย Antwerp สรุปเลยเป็นเมืองที่เดินเล่นถ่ายรูปเพลิน… มีทั้งบรรยากาศเมือง ถนนที่มีผู้คนเดินไปเดินมา ช๊อปปิ้งรวมถึงฟิวล์แบบสบาย ๆ ตามประสาเมืองใหญ่ ๆ
❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤
“BRUSSELS”
…จากเมือง Antwerp เดินทางมุ่งลงสู่ทางใต้ประมาณไม่ถึง 50 กม. เราจะเข้าสู่เมืองหลวงของประเทศเบลเยี่ยม ณ กรุง “Brussels” บรัสเซลส์ … เริ่มต้นกันด้วยที่บริเวณ “จตุรัส Grand Palace” ซึ่งเป็นจุดที่นักท่องเที่ยวไม่ว่าใครก็ต้องเดินทางมาเดินมายลโฉมความงามของบริเวณลานจตุรัสนี้กัน ซึ่งก็มีทั้งพระราชวัง และตลาดรอบ ๆ ให้เราเดินเก็บภาพได้เพลิน ๆ
…จากภาพจะเห็นว่าเป็นได้แม้กระทั่งที่นอนเล่น แต่ดูเหมือนว่าน้องคนนี้จะนอนแบบจริงจังซะมากกว่า.. คือช่วงที่มานี้แดดออกชาวต่างชาติที่นาน ๆ จะได้สัมผัสแดดแรง ๆ แบบนี้ก็เลยถือโอกาสนอนเล่นกลางแดดกันเลย ตรงข้ามกับคนไทยมาก ๆ เห็นแล้วก็แปลกใจดี
…บริเวณลานนี้ก็จะมีทั้งชาวเมืองที่มาวางขายของเยอะแยะเต็มไปหมด อย่างในภาพก็เป็นงานเขียนภาพวาด
…และอีกหนึ่งไฮไลท์ที่ใครอยากสัมผัสบรรยากาศกรุงบรัสเซลส์แบบเพลิน ๆ ก็คือการเช่ารถม้านั่งชมวิวเมืองไปเรื่อย ๆ ก็ได้อรรถรสไปอีกแบบ
…บริเวณนี้นักท่องเที่ยวจะค่อนข้างเยอะเป็นพิเศษ ดังนั้นการเดินไปเดินมาก็ควรระมัดระวังทรัพย์สินให้มากขึ้นด้วย.. เพราะอย่างที่รู้กันว่าแม้หลาย ๆ ประเทศในยุโรปเราอาจมองว่าเป็นประเทศที่เจริญแล้ว แต่ความจริงก็จะมีกลุ่มมิจฉาชีพที่เป็นพวกมืออาชีพแฝงตัวปะปนอยู่ในกลุ่มมากมาย พวกนี้ทำงานกันเป็นทีม เราเองก็ต้องระวังให้มากยิ่งขึ้น… อย่างผมก็จะพยายามรักษาระยะห่าง 1 เมตร เวลาใครเดินมาใกล้ ๆ ผมก็จะเดินหนีห่างออกไปก็ช่วยได้เยอะ
…บรรยากาศโดยรวมทั่วไปของกรุงบรัสเซลส์นั้นจะดูคึกคักมาก สีสันต่าง ๆ มากมายเพราะเป็นเมืองใหญ่ที่ใคร ๆ ก็อยากเดินทางมาสัมผัส
…ของฝากที่ระลึกน่ารัก ๆ ดูราคาแล้วก็แพงอยู่ 5555 ถ่ายรูปเก็บไว้แทนแล้วกัน
…และนี่คืออีกหนึ่งสิ่งที่จะพลาดไม่ได้เมื่อมาเยือนประเทศเบลเยี่ยมก็คือการหาขนมหวาน หรือช๊อกโกแลตอร่อย ๆ กินกัน..
…อีกหนึ่งจุดถ่ายรูปที่บอกได้คำเดียวว่าเซอรไพรส์หักมุมยิ่งกว่า The Sixth Senses ก็คือ “Manneken Pis (รูปปั้นเด็กยืนฉี่)” ซึ่งมีเรื่องเล่าว่าเจ้าหนูน้อยชื่อ Julianske ได้ช่วยดับสายชนวนระเบิดโดยการฉี่ใส่ก็เป็นเรื่องเล่าต่อ ๆ กันมาจริงไม่จริงไม่รู้ .. แต่ที่รู้คือก่อนมาเราคิดว่าเป็นรูปปั้นใหญ่ ๆ อารมณ์รูปปั้นเด็กตามสวนน้ำพุแล้วมีลานน้ำล้อมรอบ ที่ไหนได้พอมาเจอตัวประมาณฟุตกว่าบอกเลยว่าพีคมาก… แต่เอาน่ะ ไหน ๆ มาแล้วก็ถ่าย ๆ เก็บไป
…ส่วนอีกไฮไลท์สำคัญที่เป็นแลนด์มาร์คของเมืองไปแล้วก็คือ “Atomium” สถาปัตยกรรมลูกเหล็กทรงกลม ที่สร้างออกแบบเหมือนลักษณะของโครงสร้างอะตอม ก็เป็นอีกจุดที่นักท่องเที่ยวแวะมาถ่ายรูปกัน…
…สรุป กรุงบรัสเซลส์ ผมว่าเป็นอีกเมืองที่ถ่ายรูปสนุก แม้คนอาจจะเยอะมากก็ตามแต่ก็ยังมีอะไรให้ถ่ายเก็บสีสันบรรยากาศได้เรื่อย ๆ ก็เป็นอีกเมืองที่หากมาแล้วก็น่าแวะมาเพราะเส้นทาง 4 เมืองจากมินิรีวิวนี้เป็นเส้นทางต่อเนื่องที่เราสามารถเที่ยวได้สบาย ๆ เอาว่าลองแพลนกันดู
❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤
“GHENT”
… “Ghent(เกนต์)” จากกรุงบรัสเซลส์เราเดินทางต่อไปทางทิศตะวันตกเฉียงเหนือประมาณเกือบ ๆ 60 กม. ก็จะเข้าสู่เมืองเกนต์ เมืองท่าทางตอนเหนือของเบลเยี่ยมอันแสนเงียบสงบ และสวยงามไปด้วยสถาปัตยกรรมเก่าแก่ และประวัติศาสตร์อันยาวนาน
…ทันทีที่เดินทางมาถึงเมืองนี้สิ่งแรกที่สัมผัสได้ก็คือ “ความเงียบสงบ” 555 ถึงขนาดนั้นด้วยเครื่องหมายฟันหนู ที่บอกว่าสงบเพราะฟิวล์คนละแบบกับเมืองหลวงอย่างบรัสเซลส์เลยที่นี่ผู้คนนักท่องเที่ยวจะบางตากว่ามาก และสิ่งที่เห็นได้ชัดอีกหนึ่งก็คือสถาปัตยกรรมต่าง ๆ ภายในเมือง
…ทั้งอาคาร โบสถ์ ตึกสูงต่าง ๆ ก็ดูเป็นสไตล์โบราณ แถมยังมีรถรางแล่นอีกยิ่งสร้างฟิวล์ให้ดูน่าสนใจยิ่งขึ้น.. ใช้เลนส์มุมกว้าง ๆ เก็บภาพบรรยากาศเมืองแบบนี้ก็ได้ครบ ๆ สบาย ๆ
…ที่เมืองเกนต์นี้บอกเลยว่าถ่ายรูปสนุกกว่าบรัสเซลส์อีก 5555 (ในที่สุดก็เผยความจริงความรู้สึกออกมา) ไม่รู้สิ ส่วนตัวแล้วแอดมินชอบบรรยากาศอะไรที่เงียบ ๆ มากกว่าคึกคัก ก็เลยมองและรู้สึกว่าเกนต์นั้นแลดูเบาสบายกว่า ..ถ้าหากเปรียบบรัสเซลส์เป็นเพลงป๊อบ เมืองเกนต์ก็เปรียบเหมือนเพลงแนวคันทรี่โฟลค์ซองที่เราเห็นแล้วรู้สึกสบาย และโล่งกว่า
…ไม่ได้มีแต่ตึกรามอาคารบ้านช่องที่นี่ก็ยังมีลำน้ำเล็ก ๆ เป็นเส้นทางให้นักท่องเที่ยวได้นั่งเรือชมวิว หรือพายเล่นเองก็ยังมี.. เสียดายที่เวลาเดินมีประมาณ 3-4 ชั่วโมง .. บอกเลยว่ายามเย็นบริเวณนี้น่าถ่ายภาพมากบรรยากาศคงดีไม่น้อย อ้อ!! บริเวณในภาพนี้เรียกว่า “Graslei” ใครมาก็ปักหมุดมาเดินเล่นกันรับประกันว่าต้องชอบแน่นอน
…ในตัวเมืองเราสามารถเดินเล่นไปตามถนนถ่ายภาพมุมนั้นมุมนี้มีสะพานข้ามไปข้ามมาอยู่หลายจุดเดินแล้วก็งง ๆ ดีนะ 555 แต่ก็ทำให้ได้ภาพอะไรมากมายเพิ่มขึ้น เป็นเมืองที่หากมาแล้วยืนโพสท่าสวย ๆ เท่ ๆ ก็ได้รูปสวย ๆ โล่ง ๆ ได้ง่าย ๆ เลยเพราะคนไม่เยอะ
…อีกสักใบกับมุมย้อนแสงสักหน่อย..
…เดินไปถ่ายรูปไปก็เปลี่ยนเลนส์สลับเลนส์ไปเรื่อยทั้งกว้างบ้าง ซูมบ้าง.. แต่ก็เช่นเดิมที่ควรระมัดระวัง คือนอกจากอาจตกเป็นเป้าสายตาของมิจฉาชีพที่อาจจ้องอยู่แล้ว เวลาเปลี่ยนอะไรก็ต้องระวังคนเดินมาชนด้วย .. ยิ่งคนชอบถ่ายภาพอย่างเรามักจะเปลี่ยนเลนส์บ่อยด้วยแล้วยิ่งต้องระวังให้มากขึ้น
…ที่เมืองเกนต์มีโบสถ์สวย ๆ อยู่หลายจุด รวมทั้งปราสาทก็ยังมี .. แนะนำเลยว่าถ้าไม่นอนบรัสเซลส์ให้มานอนที่เมืองเกนต์สักคืนจะได้ภาพสวย ๆ ขึ้นอีกเพียบ อย่างผมนี่ได้มาเท่านี้เองเพราะไม่ได้มีเวลามากสำหรับที่นี่แต่บอกเลยว่าชอบมาก ๆ
…สรุป เมืองเกนต์เป็นที่ถูกใจกระผมมากเพราะบรรยากาศที่เงียบสงบ ไม่วุ่นวาย มีโบสถ์ มีถนน สะพานสวย ๆ และมีท่าน้ำบรรยากาศนั่งเรือให้เราถ่ายรูปได้มีสีสันมากขึ้น.. จึงขอแนะนำเลยว่าต้องนอนค้างสักคืนอย่างต่ำ…
❤❤❤❤❤❤❤❤❤❤
“BRUGES(BRUGGE)”
…จากเมือง Ghent เดินทางต่อไปทางทิศตะวันตกอีกประมาณ 50 กม. สู่เมือง “Bruges หรือ Brugge” ปลายทางที่ผมว่าสำหรับผมแล้วชอบเมืองนี้ที่สุดเป็นอันดับหนึ่งเลยก็ว่าได้หากเทียบกับ 4 เมืองทั้งหมดนี้
…เมืองบรูจส์ เป็นอีกเมืองที่มีความสำคัญทางด้านประวัติศาตร์ และศิลปะมากมาย …แต่ที่มากไปกว่านั้นคือที่นี่เป็นเมืองมรดกโลกที่สุดแสนโรแมนติคแห่งหนึ่งเลยก็ว่าได้ .. เหตุผลน่ะหรอเชิญภาพต่อไปได้เลย
…เมือง Bruges ได้รับฉายาว่าเป็นเวนิชแห่งยุโรปเหนือ (The Venice of the North) เพราะภายในเมืองมีแม่น้ำ และคลองเล็กคลองน้อยเชื่อมต่อไปมารอบเมือง ดังนั้นสีสันที่ผมยกให้เป็นที่หนึ่งก็คือเรื่องนี้แหละ
…ลำพังหากแค่เดินไปเดินมาถ่ายรูปก็ว่าได้ฟิวล์แล้ว แต่หากได้นั่งเรือล่องตามลำคลองเล็ก ๆ ลัดเลาะไปเรื่อย บอกเลยว่าฟิวล์แห่งความสุขมาเต็มแน่นอน
…ช่วงเวลาในภาพเป็นตอนประมาณบ่าย 3 จะเห็นว่าเมืองก็ยังเงียบสงบ.. คือนอกจากเมืองเกนต์ที่แนะนำให้นอนค้างแล้ว หากใครชอบความเงียบสงบ ผมว่าแบ่งมาที่บรูจส์อีกสักคืนก็เจ๋งไม่น้อย… เดินเล่นระหว่างวัน ตกเย็นก็นั่งเรือชมวิวในคลองชมบรรยากาศเป็นอะไรที่มีความสุขมาก
…ตึกอาคารบ้านเรือนต่าง ๆ ภายในเมืองส่วนใหญ่ก็งดงามในสไตล์ เรอเนสซองค์ Renaissance จนเมืองนี้ได้รับเลือกให้เป็น Unesco World Heritage
…จากนั่งเรือชมวิวก็เปลี่ยนมาเดินเล่นชมบรรยากาศเมืองกันต่อที่บริเวณลานจตุรัสกลางเมือง Market Square หรือ Grote Markt ที่เต็มไปด้วยร้านคาเฟ่ อาคารสวย ๆ อยู่เพียบ รวมทั้งร้านค้าร้านอาหารให้เราเดินไปอิ่มไป และช๊อปปิ้งกันได้ตามใจชอบ
…บริเวณลานจตุรัสยังมีอีกสถานที่น่าสนใจที่ไม่ควรพลาดก็คือ “Belfry & Halle” หอระฆังที่โดดเด่นเป็นตระหง่านอยู่ใจกลางเมือง ซึ่งหากใครมีเวลามากพอก็สามารถขึ้นไปชมวิวทิวทัศน์ของเมืองที่ด้านบนได้ด้วย
…การเดินทางมาประเทศเบลเยี่ยมครั้งนี้่ทำให้มุมมอง และภาพลักษณ์ที่ผมมีต่อประเทศนี้เปลี่ยนไปมากจากที่ไม่ค่อยได้รับรู้อะไรเลยเกี่ยวกับเบลเยี่ยม กลับกลายเป็นว่าแต่ละเมืองที่ได้ไปนั้นทำให้เราประทับใจได้หมดทุกเมือง
…จะต่างกันไปก็คือตามสไตล์ของแต่ละเมืองแล้วแต่ความชอบว่าใครชอบแบบไหน และที่สำคัญก็คือเส้นทางการเดินทางนั้นสามารถเดินทางได้โดยง่ายเพราะ 4 เมืองนี้มีระยะทางรวมกันทั้งหมดตั้งแต่ Antwerp – Brussels – Ghent – Bruges อยู่ที่ 150 กม.เท่านั้น.. (ใกล้กว่ากรุงเทพไปพัทยาซะอีก)
…ภาพสำหรับมินิรีวิวนี้อาจมีสถานที่ไม่เยอะมากมายนัก เพราะเป็นทริปทำงานมากกว่าแต่ก็พยายามอาศัยช่วงชุลมุน หรือพักเบรกเก็บภาพมาได้พอสมควรมาฝากกันเผื่อเป็นข้อมูลเผื่อจะเป็นประโยชน์สำหรับใครที่อยากเดินทางมาเบลเยี่ยมกันบ้าง
…ปิดท้ายที่ภาพนี้.. ส่งท้าย 4 เมืองน่าเที่ยวแห่งเบลเยี่ยม.. ซึ่งหากใครจะมีแพลนเดินทางมาแล้วก็ขอให้เดินทางกันราบรื่นสนุกสนาน ได้ภาพสวย ๆ ได้มีช่วงเวลาดีดีกลับไปกันเยอะ ๆ นะ