ANCIENT ANGKOR : มหัศจรรย์นครวัด นครธม
…รีวิวอัลบั้มนี้เป็นเรื่องราวเกี่ยวกับการเดินทางสู่ประเทศกัมพูชา ณ เมืองเสียมเรียบ จุดหมายปลายทางก็จะเป็นไปที่ไหนเสียไม่ได้นอกไปจาก “นครวัด นครธม” หนึ่งในความอัศจรรย์ที่ติดอันดับสิ่งมหัศจรรย์ของโลกที่เป็นจุดมุ่งหมายของนักเดินทางจากทั่วทุกสารทิศที่ต่างต้องการมาสัมผัส และพิสูจน์ด้วยตาตนเองถึงความยิ่งใหญ่ และอลังการของดินแดนที่เปี่ยมล้นไปด้วยเรื่องราวของประวัติศาสตร์ ศิลปะ วัฒนธรรม และสิ่งต่าง ๆ ที่ยังคงยืนหยัดผ่านวันเวลามาจนถึงปัจจุบันนี้
…รีวิวนี้ผมจะแยกเป็นเนื้อเรื่อง ๆ เฉพาะ ๆ ไปนะครับ… เพื่อให้อ่านง่ายสำหรับใครที่เปิดมาเจอหรือต้องการข้อมูลในการเดินทางต่าง ๆ รวมถึงรายละเอียด และภาพของสถานที่ที่น่าสนใจว่าหน้าตาเป็นอย่างไรโดยผมจะแยกเป็นหัวข้อไล่เรียงกันไปเลย.. ถ้าพร้อมแล้วก็ค่อย ๆ อ่านไปได้เลยครับ
…อุปกรณ์ถ่ายภาพ…
• NIKON D750 •
• AF-S NIKKOR 14-24mm f/2.8G ED •
• AF-S NIKKOR 35mm f/1.4G •
• AF-S NIKKOR 58mm f/1.4G •
• AF-S NIKKOR 70-200mm f/2.8E FL ED VR •
ข้อมูลการเตรียมตัวเล็ก ๆ น้อย ๆ ก่อนเดินทาง
• พาสปอร์ต และ วีซ่า •
เอาไปแต่พาสปอร์ตได้เลยจ้ะ คนไทยเที่ยวอยู่ได้ถึง 14 วันด้วยกันโดยไม่ต้องทำวีซ่า แต่อย่าลืมเช็คหน้าพาสปอร์ตนะจ๊ะว่าต้องมีอายุไม่น้อยกว่า 6 เดือน ตามแบบฉบับทั่วไป•
• การเดินทางไปยังเมืองเสียมเรียบ •
ถ้าไม่นับเส้นทางบกรถทัวร์ (หมอชิต-เสียมเรียบ) ก็มีเส้นทางบินของสายการบินแอร์เอเชียไฟลท์ที่มีนั้นสวยงามสะดวกต่อการเที่ยวมากทั้งไปทั้งกลับ ตามนี้โลด
FD 610 • ดอนเมือง 10.10 > เสียมราฐ 11.10 / FD 614 • ดอนเมือง 13.30 > เสียมราฐ 14.30
FD 611 • เสียมราฐ 11.55 > ดอนเมือง 12.55 / FD 615 • เสียมราฐ 15.20 > ดอนเมือง 16.20
• สกุลเงิน •
…กัมพูชาใช้สกุลเงิน “เรียล (Riel)” เฉลี่ยแล้วตก 1 บาทไทย เท่ากับ 117 เรียล .. แต่ถ้าจะเอาสะดวกสุดก็คือแลกยูเอสดอลลาร์ไปได้เลย ถ้าหากต้องทอนยิบย่อยที่นั่นก็จะทอนมาเป็นเงินเรียลให้เราเอง
• การใช้งานมือถือ และโทรศัพท์ •
…มีซิมมือถือขายทั่วไป แต่ถ้าให้สะดวกก็ซื้อที่หน้าสนามบินเลยก็ได้ อย่างผมเลือกแบบ 6GB ราคา 10 เหรียญ(ไม่รู้ถูกหรือแพงนะ) แต่แน่ ๆ เที่ยว 4 วัน 3 คืน ..อยู่ได้สบาย
• ปลั๊กไฟ •
…แบบเดียวกับเมืองไทยเลยจ้ะ
• ช่วงเวลาท่องเที่ยว •
สภาพอากาศแบบเดียวกับบ้านเราเลยนะ
…หน้าร้อน / เที่ยวง่าย ไร้ฝนฟ้าคะนอง แต่อากาศร้อนต้องเตรียมตัวให้ดี (มีนาคม – พฤษภาคม)
…หน้าฝน / ภาพสวย ชุ่มฉ่ำ ได้สีเขียว ๆ แต่ต้องลุ้นกับฟ้าครึ้มฝนตกว่าจะเจอหรือไม่ (มิถุนายน – ตุลาคม)
…หน้าหนาว / อากาศจะเย็นสบายกว่าสองฤดูที่กล่าวมา แต่นักท่องเที่ยวก็จะเยอะ (พฤศจิกายน – กุมภาพันธ์)
• การเดินทางเที่ยวนครวัด •
…จะให้โรงแรมที่เราจองหารถบริการให้ก็ได้หรือจะหาเองก็ได้ อย่างผมก็หาเอาจากในอินเตอรเนท แล้วติดต่อคุยผ่าน fb ไว้เรียบร้อย.. มีทั้งรถตุ๊กตุ๊ก และแท๊กซี่ให้บริการ ค่าบริการตุ๊ก ๆ ตีไปราว ๆ วันละประมาณ 20 เหรียญ ถ้าแท๊กซี่ก็แพงไปอีกเท่าตัว.. นั่งตุ๊กตุ๊กก็ดีนะ(ผมเองก็ตุ๊กตุ๊ก ตอนเที่ยวร้อนแต่พอขึ้นรถลมพัดตัวก็แห้งละ) หรือใครไปหลายคนอยากจัดรถบัสก็หาได้เลยในเนทมีเพียบ
…อย่างผมก็หาคนขับรถที่สามารถพูดไทยได้จากในอินเตอร์เนทนี่แหละครับ จนสุดท้ายก็มาถูกโฉลกที่ Mr.Chou (มิสเตอร์ ชู) พูดไทยได้คล่องประหนึ่งเรามีเพื่อนคนไทยในกัมพูชายังไงยังงั้น ถ้าใครจะใช้บริการมิสเตอร์ชูก็เชิญข้อความหาได้ที่เฟซบุ๊คนี้เลยครับ https://www.facebook.com/profile.php?id=100008235976591
• ค่าตั๋วเข้าชมนครวัด •
…1 วัน = 37 $ (ตั๋วหมดอายุวันเดียว)
…3 วัน = 62 $ (ตั๋วหมดอายุภายใน 10 วัน)
…7 วัน = 72 $ (ตั๋วหมดอายุภายใน 30 วัน)
** ตั๋วนี้ต้องใช้แสดงทุกครั้งที่เข้าชมตามจุดต่าง ๆ ทั้งนครวัด นครธม ปราสาท วัดต่าง ๆ เรียกว่าบัตรเดียวใช้ได้ครบ ๆ ห้ามทำหายเท่านั้นพอไม่งั้นต้องเสียเงินไม่จ้ะ.. **
• ความปลอดภัย •
…เท่าที่คุยกับคนขับรถพาเที่ยวบอกว่าทุกวันนี้ปลอดภัยกว่าแต่ก่อนมาก ๆ ก็ทำให้เราเที่ยวได้สบายใจขึ้น (แต่ยังไงก็ไม่ควรประมาทนะจ๊ะ) มากับเพื่อนกันหลายคนก็ดี .. จะมีบ้าง แต่ก็น้อยลงไปเยอะก็คือบางวัดบางสถานที่จะมีพวกเด็กตัวเล็ก ๆ ที่บางทีอาศัยจังหวะเจ้าหน้าที่เผลอ ๆ มาแนะนำพาเดินไปตรงนั้นตรงนี้ให้เรา เพื่อต้องการเงิน และให้เซ็นเอกสาร..อันนี้ต้องระวัง (ซึ่งผมเองก็เจอนะ น้องมาชี้มุมถ่ายรูปให้สองมุม ผมให้ไป 1 เหรียญ น้องบอกจะเอาอีก พร้อมให้เซ็นเอกสารอะไรก็ไม่รู้) สุดท้ายผมก็เลยเดินหนีแต่พอมาถามคนขับรถเค้าก็บอกพวกนี้ถือว่าส่วนน้อยมากที่เล็ดลอดฉวยจังหวะเจ้าหน้าที่ไม่ทันระวัง.. แต่ถ้าประเภทเดินริมถนนเล่นมือถือแล้วเจอมอไซด์ฉกไป หรือดักทำร้ายนักท่องเที่ยวอันนี้เราค่อนข้างอุ่นใจได้ครับว่าปลอดภัย แต่สุดท้ายก็มิควรประมาทเช่นกัน
ปล.เอาความรู้สึกผมเดินที่เสียมเรียบผมเดินได้ไม่หลอนระแวงเหมือนกับโฮจิมินห์ หรือฮานอย เวียดนาม.. อันนั้นเดินแล้วหลอนจริง
• การจองที่พัก •
…สำหรับการเดินทางครั้งนี้ ผมจองที่พักเสียมราฐผ่านทาง Traveloka เพราะเคยใช้บริการมาแล้วหลายครั้ง ที่ชอบมากก็คือราคาเนท ๆ เห็นเท่าไหร่เท่านั้นไม่มีบวกเพิ่มให้งงหรือระแวงว่ากดไปแล้วจะบวกค่าอะไรอีกหรือเปล่า ว่าแล้วก็ขอนำเสนอขั้นตอนการจองมาให้ดูกันคร่าว ๆ ครับ
1. เริ่มต้นเข้าเวปแล้วก็เลือกสถานที่ที่ต้องการเลยครับ อย่างครั้งนี้ผมก็พิมพ์ชื่อ “เสียมราฐ” ลงไป.. ข้อมูลก็เด้งขึ้นมา หรือจะกดเข้าไปดูที่พักเสียมราฐแบบลัด ๆ ได้เลยที่นี่ https://www.traveloka.com/th-th/hotel/cambodia/region/siem-reap-30002585
2. เลือกวันเดินทางเข้าพัก เช็คอินวันไหน เช็คเอาท์วันไหนแล้วก็ใส่จำนวนผู้เดินทาง รอบนี้ผมไปกัน 3 คน อยากนอนรวมกัน เพราะเวลาคุยหรือปรึกษาอะไรกันได้ครบหน้าครบตาก็เลือกไป 1 ห้อง
3. แล้วก็กดค้นหาโรงแรมได้เลย
1. ต่อจากนั้นก็มาเลือกเรทราคา ผมอยากได้ประมาณคืนละไม่เกิน 2,000.- ก็เลื่อนแถบบาร์ไปซะ
2. แล้วอยากได้สิ่งอำนวยความสะดวกอะไรก็ใส่ไป ผมอยากหาที่มีสระว่ายน้ำเพราะไปหน้าร้อนกลับมาจะได้แช่น้ำสักหน่อย หรือเพื่อน ๆ ต้องการอะไรก็ติ๊กไปที่ตัวเลือกได้
3. จากนั้นระบบก็จะคำนวณโรงแรมที่พักที่เราเลือกขึ้นมาเพียบเลย .. ตาลายกันไป
1.ก็ดูเทียบอยู่หลายที่พักเลยครับจนสุดท้ายก็มาปิ๊งที่อันนี้ หน้าตาดูมีสง่าราศี / ราคาต่อคืนอยู่ที่ประมาณ 1,600.- หาร 3 ตกคนละ 500.- กว่าบาทก็โอเค นอน 3 คืนเท่ากับคนละประมาณพันห้าพันหกสำหรับที่พักต่อคนต่อคืน … ชื่อโรงแรมว่า Rithy Rine Angkor Hotel ซึ่งหากใครสนใจก็ไปเช็คราคากันได้ที่ >> https://www.traveloka.com/th-th/hotel/cambodia/rithy-rine-angkor-hotel-1000000415010
2. พร้อมกันนี้ก็จะขึ้นรายละเอียดเกี่ยวกับที่พักขึ้นมาว่ามีใกล้อะไรที่น่าสนใจบ้าง
1. เลื่อนลงไปเรื่อย ๆ ก็เจอกับหน้าตาห้อง เราก็เลือกซะว่าต้องการห้องแบบไหน..ก็โป๊ะเชะที่ห้องนี้เลยครับ 3 คนต่อ 1 ห้อง ตรงนี้เราก็ต้องดูดีดีนะครับว่าห้องเค้าจำกัดจำนวนผู้เข้าพักสูงสุดกี่คนต่อห้อง เพราะบางทีหากเป็นเตียงเสริมเราจะต้องเสียเงินเพิ่ม แต่อันนี้เป็นห้องสำหรับ 3 คนก็ราคาปกติ
2. เลือกห้องนี้มี Free Two Way Airport Transfers รับส่งไปกลับสนามบินด้วย.. ประหยัดตังค์เราไปได้อีก ก็เลือกเลยสิครับ
1. ลองเลื่อนดูครับด้านล่างจะมีอ้างถึงคะแนนรีวิวที่แขกคนก่อน ๆ เคยคอมเม้นท์ เคยให้คะแนนไว้ อันนี้ก็แล้วแต่เราแล้วแหละว่าจะถูกโฉลก หรือตัดสินใจอะไรยังไง
1. ก็กดดำเนินการต่อพอเลือกห้องที่ต้องการแล้วก็จะมาถึงหน้าที่สรุปราคา โดยเราสามารถดูเป็นต่อคืน หรือเลือกราคาทั้งหมดก็ได้เพื่อป้องกันการงงสับสน ระบบก็จะคำนวณให้เราเสร็จสรรพ พร้อมแจ้งรายละเอียดห้องว่ามีดีมีเด่นอะไร
1.จากนั้นก็ถึงขั้นตอนเตรียมการจอง เราก็ใส่ข้อมูลลงไปครับ ปกติเลยไม่มีอะไรซับซ้อน
1. แล้วก็มาถึงขั้นตอนสำคัญคือจะเป็นการสรุปรายละเอียดการเข้าพักอีกรอบก่อนจะไปยังขั้นตอนชำระเงิน
1. เมื่อกดแล้วก็จะเจอปุ่มให้กดครับว่าเราจะชำระเงินแบบไหนก็เลือกตามที่เราสะดวก ใส่รายละเอียดให้ถูกต้องครบถ้วน
2. หรือถ้าใครมีรหัสคูปองส่วนลดก็ใส่โค๊ดไปในช่องที่ลูกศรสีแดงไว้ด้านล่าง ระบบก็จะคิดหักลบกลบให้ครับ
1. เป็นอันเรียบร้อยเมื่อชำระเงินเสร็จสรรพ ก็รอสักพักครับจะมีใบยืนยันการจองเด้งไปยังอีเมล์ที่เราให้ไว้ หรือสามารถดาวน์โหลดจากหน้านี้เก็บไว้เลยก็ได้ อย่างผมเองไม่ได้ปริ้นท์ออกมาหรอกครับ ก็เพราะ…
2. ผมมีแอพ Traveloka ที่ลงกับสมาร์ทโฟนไว้ด้วย พอเราทำธุรกรรมทางนี้เสร็จข้อมูลก็จะลิ้งค์เข้ากับแอพเรา เมื่อเราไปถึงที่พัก หรืออยากดูข้อมูลตอนไหนก็เข้าที่มือถือได้เลย
3. สะดวก รวดเร็ว ทันใจ ราคาไม่มั่วนิ่ม ไม่ซับซ้อน .. ครั้งหน้าอย่าลืมจองผ่านทราเวลโลก้ากันดูครับ ทั้งที่พัก และสายการบินมีครบจ้ะ
• ทำเลที่พัก •
…ถ้าเป็นไปได้เลือกใกล้ ๆ Pub Street หรือ Night Market ก็จะดีมาก.. เพราะใกล้แหล่งช๊อป ร้านค้าอาหาร ผับบาร์ ร้านนวด .. และนี่ก็คือหน้าตาที่พักที่ผมถ่ายมาจากวันเดินทางครับ “Rithy Rine Angkor Residence”..
…เป็นอันจบไปสำหรับข้อมูลก่อนการเดินทาง ต่อไปจะเป็นข้อมูลการท่องเที่ยวบ้างครับ ผมจะเรียงไปตามสถานที่ที่ผมได้ถ่ายมานะครับ.. โดยจะไม่ลงลึกเรื่องประวัติความเป็นมานะครับ(เพราะหาได้ง่ายมากในอินเตอร์เนท) แต่จะเน้นไปที่เรื่องบรรยากาศของแต่ละสถานที่ และช่วงเวลาที่เหมาะสมซึ่งน่าจะถูกใจสำหรับคนที่ชอบถ่ายภาพ และต้องการทราบถึงรายละเอียด.. เริ่มกันเลยครับกับที่แรก
*************************************************
…นครวัดยามเช้า : Morning at angkor wat…
…สำหรับใครที่ต้องการมาดูแสงเช้าซึ่งถือว่าเป็น “สิ่งที่ต้องทำ” สำหรับการมาเยือนนครวัดอีกหนึ่งอย่างที่ต้องบรรลุเป้าหมายให้ได้ ส่วนเรื่องจะได้มาซึ่งความอลังการสีสันสวยงามท้องฟ้าจะแจ่มแค่ไหนอันนี้ก็อยู่ที่ดวงด้วย แล้วก็ช่วงเวลาที่เรามาด้วยครับ บางคนกว่าจะตื่นมากว่าจะเดินมาถึงริมบึงหน้าปราสาทสายหน่อย แสงทไวไลท์ยามเช้าสวย ๆ ก็อาจหายไปแล้ว.. ดังนั้นอย่างน้อยเราต้องตื่นกันตั้งแต่ประมาณตี 4 .. แล้วออกจากที่พักสักตี 4.30 น. เพราะกว่าจะมาถึงตีไป 30 นาที ไหนจะเดินจากจุดลงรถเดินมาด้านในอีก อย่างต่ำต้องมีประมาณตี 5 นิด ๆ ต้องถึงบริเวณบึงน้ำด้านหน้านี้ให้ได้ ..
…เพราะนอกจากเราจะได้มายืนลุ้นแสงเช้ากันแล้วเราจะต้องมาเบียดเสียดแย่งชิงจับจองมุมที่เราอยากได้ภาพกันแต่เนิ่น ๆ ขอบอกว่าคนประมาณเกินร้อยจะมายืนอยู่จุดเดียวกันก็ยิ่งทำให้เราถ่ายภาพได้ลำบากมากขึ้น.. จากนั้นพอได้ภาพจนถึงเราพอใจก็ค่อยเดินเก็บภาพด้านในปราสาทกันต่อได้เลย แสงตอนเช้า ๆ ส่องมาจากด้านหลังปราสาทก็สวยดีนะครับ อาจย้อนแสงไปนิดแต่บางจังหวะก็ได้ริมไลท์สวย ๆ ถ่ายบรรยากาศผู้คนท่องเที่ยวสักหน่อยก็โอเคเลย
*************************************************
…นครวัดหลังบ่าย : angkor in the afternoon…
…สำหรับใครที่อยากได้ภาพนครวัดที่เห็นตัวปราสาทชัด ๆ มีบึงน้ำด้านหน้าเห็นเงาสะท้อน ผมแนะนำว่าต้องเป็นช่วงเวลาหลังบ่ายไปสักหน่อยน่าจะโอเคที่สุดเพราะดวงอาทิตย์จะย้ายมาด้านที่เรายืนอยู่นี่ละ ก็จะส่องเข้ากับปราสาททำให้วันไหนที่ท้องฟ้าแจ่มใส มีเมฆสวยงามก็จะได้ภาพที่อลังการงานสร้างกลับไปได้ไม่ยาก…
…ก็ต้องลองหาเวลาสลับไปสลับมาดูครับ สำหรับใครที่มีเวลาน้อยก็ต้องแพลนกันดีดีว่าจะอยากได้ภาพช่วงไหน..
*************************************************
…นครวัดยามเย็น : evening at angkor wat…
…เมื่อเวลาผ่านไปถึงประมาณ 4 โมงกว่า 5 โมงเย็นผมได้มาเดินด้านหลังปราสาทนครวัดเพื่อเก็บภาพก็เห็นว่ามีมุมสวย ๆ ที่เราอาจไม่ค่อยได้เห็นสักเท่าไหร่นัก โดยตรงด้านหลังนี้สำหรับบางคนที่เดินทางมาถึงเสียมเรียบช่วงบ่ายแล้วเย็นไม่รู้จะไปไหน ถ้าซื้อตั๋วเที่ยวเสร็จแล้วก็อาจแวะมาที่นี่ก่อนก็ได้ ถือว่ามาชิมลางบรรยากาศนครวัดออเดิรฟกันสักหน่อยก็ดี.. ด้านหลังปราสาทคนจะไม่ค่อยมาเดินกัน ซึ่งภาพที่เห็นด้านล่างนี้ผมก็มาถึงประมาณ 4 โมงกว่า 5 โมงเย็นเดินเล่นอยู่ด้านหลังแล้วค่อย ๆ เดินทะลุไปเรื่อย ๆ จนออกด้านหน้า(โดยคนขับรถส่งเราตรงนี้ และไปรอรับเราด้านหน้า) ก็เพลินดีนะครับ ได้มุมย้อนแสงเล่นกับแฟลร์ฟุ้งได้เยอะดีสำหรับใครที่ชอบแนวนี้ แต่ถ้าใครไม่ชอบก็อาจข้ามไป.. โดยรวมผมว่าผมชอบที่มันสงบเงียบคนน้อย และมีเวลาให้เราได้ชื่นชมอีกบรรยากาศของนครวัดดีครับ
*************************************************
…ปราสาทบายน : Bayon temple…
…ที่ปราสาทบายนนี่ต้องบอกว่าเป็นเพชรเม็ดงามอีกหนึ่งสถานที่เลยสำหรับการมาเยือนนครวัด นครธม.. เพราะหลายคนก็หลงไหลในมนต์เสน่ห์ของหินแกะสลักที่เราจะเห็นเป็นรอยยิ้มบนใบหน้าที่เรียกกันว่า “รอยยิ้มแห่งบายน” ซึ่งแต่ละใบหน้าก็จะมีลักษณะการยิ้มที่อ่อนช้อยแตกต่างกันไป ..ปราสาทบายนมีพื้นที่ให้เราเดินถ่ายภาพได้พอสมควร แม้อาจจะไม่ได้ใหญ่อลังการเท่าปราสาทนครวัด แต่รับรองว่าถ้าเข้าไปด้านในแล้วเราจะสนุกไปกับการหามุมถ่ายภาพได้เรื่อย ๆ ถ้าขยัน และไม่ยอมแพ้ต่อจำนวนนักท่องเที่ยวไปซะก่อนนะ
…ช่วงเวลาที่แนะนำถ้าไม่รีบมาตอนเช้าที่คณะทัวร์ยังมาไม่มาก ผมขอแนะนำเลยว่าให้มาตอนเย็นช่วงที่แสงเย็นกำลังคล้อยต่ำ แต่อย่าให้ดวงอาทิตย์ต่ำมากนะเพราะเดี๋ยวจะต่ำจนแสงเตี้ยเกินที่จะส่องลงใบหน้ารอยยิ้มแห่งบายนได้.. เอาเป็นว่าผมว่าสัก 4 โมงเนี่ย เราควรมาได้แล้วรอจังหวะตำแหน่งดวงอาทิตย์ส่องแสงลงตัวปราสาทลงบนยอดปรางค์ และใบหน้า .. ก็ทำให้ภาพดูมีมิติมีอารมณ์ได้มากกว่าช่วงกลางวัน ๆ ที่แดดเปรี้ยง ๆ
…มาเดินที่ปราสาทบายนนี่เปลี่ยนเลนส์สลับเป็นว่าเล่นเลยนะครับสำหรับผม ช่วงเช้านี้ยังไม่เท่าไหร่เพราะจะเน้นไปที่มุมเจาะ ๆ เนื่องจากเจอคณะทัวร์จีนเข้าไปเอาแค่มาบัสคันเดียวที่ก็แน่นแล้ว ไอ้ครั้นจะเก็บภาพกว้าง ๆ ก็ติดแต่หัวคน เลยต้องเปลี่ยนใส่เทเลที่ผมติดมาก็คือเลนส์ AF-S NIKKOR 70-200mm f/2.8E FL ED VR โดยเป็นเลนส์รุ่นใหม่ที่ผลิตต่อมาจากรุ่นก่อน .. ภาพที่ได้จากเลนส์ตัวนี้ก็คือความคมชัดของเลนส์ที่อภิมหาคมมาก.. เลนส์ดีทำให้ได้คุณภาพของภาพที่ดี และที่สำคัญการถ่ายภาพก็ทำให้เราสนุกขึ้นอีกเยอะเลย
…โดยรวมผมค่อนข้างชอบที่นี่มากเพราะมุมถ่ายเยอะ อีกอย่างมุมเจาะ ๆ การไปยืนเพ่งยืนมองงานแกะสลักบนก้อนหินก็จะทำให้เรารู้สึกฉงนงงงวยกับการสร้างได้อย่างน่าอัศจรรย์ใจ.. อย่าลืมนะครับ แสงเย็นถ้าไม่รู้ไปไหนก็มาปราสาทบายนกันดีกว่า
*************************************************
…ปราสาทพระขรรค์ :pra khan TEMPLE…
…ปราสาทพระขรรค์นี่ผมได้เดินทางมาตอนประมาณสาย ๆ ของวัน.. พระอาทิตย์ก็เกือบ ๆ จะไปอยู่กลางท้องฟ้าแล้วทำให้แสงไม่ค่อยเฉียงลงสักเท่าไหร่ แต่เท่าที่เดินภายในปราสาทนี้ทางเดินพอจะประมาณได้ว่าเป็นทางยาวเข้าไป แล้วมีซากหินปรักหักพังกองวางระเนระนาด ก็เลยดูแปลกตาไปอีกแบบดี.. แต่จะถ่ายแบบกว้าง ๆ ค่อนข้างยากอยู่ ถ้าไม่มีเลนส์วายด์ก็น่าจะเก็บภาพได้ลำบาก
…ซึ่งแน่นอนว่าการจะได้ภาพกว้าง ๆ ในที่แคบ ๆ คงหนีไม่พ้นเลนส์มุมกว้าง ซึ่งขนาดช่วง 14-24 mm ที่ผมใช้นั้นก็ตอบโจทย์นี้ได้ลงตัว เรียกว่าได้ครอบคลุมตั้งแต่กำแพงฝั่งซ้ายถึงกำแพงฝั่งขวาเลย
…ส่วนช่วงเวลาผมว่าปราสาทพระขรรค์เราสะดวกช่วงไหน หรือโปรแกรมเค้ามาตอนไหนเราก็มาตอนนั้นก็ได้ เพราะในความคิดผมปราสาทนี้อาจไม่ได้ดูเป็นไฮไลท์เท่าตัวปราสาทนครวัด หรือปราสาทบายน ปราสาทตาพรหมที่ดูเป็นสัญลักษณ์ของนครวัดมากกว่า .. แต่ไหน ๆ มาแล้วก็เก็บภาพกลับไปสักหน่อยก็ไม่ผิดหวังนะ
*************************************************
…ปราสาทแปรรูป : pre rup(prae roup)TEMPLE…
…ปราสาทแปรรูปมีพื้นที่กว้างเลนส์วายด์ต้องมีก็ดีนะครับ.. อย่างผมใช้เลนส์ช่วงที่ 14-24 mm ของ Nikon ก็ได้ภาพที่กว้างสะใจแล้วก็ได้ภาพฟ้าใส ๆ สวย ๆ กลับมาได้เรียกว่าคุณภาพเป็นที่พอใจเสมอเวลาใช้เลนส์ตัวนี้ ..ช่วงที่ผมมาถึงปราสาทแปรรูปอยู่ที่ช่วงประมาณกลางวัน ๆ ทำให้ภาพออกมาดูแสงแข็ง ๆ ไปหน่อย
…ซึ่งเท่าที่ดูจากพื้นที่แล้วตอนเย็นช่วงแสงอาทิตย์กำลังเฉียงลงก็น่าจะเป็นอีกปราสาทที่ได้ภาพแสงสวย ๆ ได้ไม่ยาก แม้ความมีชื่อเสียงอาจไม่เทียบเท่ากับจุดไฮไลท์ต่าง ๆ อย่างตัวปราสารนครวัด หรือตาพรหม และบายน แต่ก็เป็นอีกที่ที่น่ามาลองถ่ายแสงเย็นไม่น้อย
*************************************************
…ปราสาทบาปวน : BAPHUON TEMPLE…
…ปราสาทบาปวนเป็นอีกหนึ่งปราสาทที่มีความเท่มากสำหรับผมตั้งแต่แรกที่เริ่มเข้าสู่บริเวณด้านหน้าที่มองเข้าไปจะเป็นสะพานหินทอดยาวสู่ตัวปราสาทด้านใน ลักษณะเหมือนพวกหนังสมัยก่อนที่มีทางเข้าปราสาทยาว ๆ ให้เดินกว่าจะถึงประตูใหญ่(มโนไปซะไกลเลย).. พื้นที่ของปราสาทบาปวนจะค่อนข้างกว้างคือถ้าเอาจริง ๆ แล้วผมว่าเราสามารถหามุมสวย ๆ จากปราสาทบาปวนได้อยู่หลายมุมเลย ..
…นอกไปจากความแปลกตาของสะพานหินที่ทอดยาวสู่ตัวปราสาทแล้ว เรายังสามารถเดินขึ้นไปสู่จุดชมวิวที่มีลักษณะกองหินเหมือนเจดีย์อยู่ด้านบนสุดด้วย (ที่นี่เป็นบันไดขั้นเดินได้สบาย แต่ถ้าถามถึงความเสียว และความสูงก็ทำเอาเมื่อยอยู่เหมือนกัน) แต่ก็มิได้ย่อท้อมาถึงแล้วก็ต้องให้สุด ๆ เพราะด้านบนเมื่อขึ้นไปแล้วมองลงมาด้านล่างก็ทำให้เห็นมุมแบบสูง ๆ ได้สวยงามอยู่
*************************************************
…ปราสาทตาพรหม : ta phrom TEMPLE…
…ปราสาทตาพรหมนี่ถือว่าเป็นที่สุดของผมแล้ว.. หลายคนอาจเทใจหลงไหลในเสน่ห์รอยยิ้มแห่งบายน บางคนอาจชอบในความอลังการของปราสาทนครวัด แต่สำหรับผมผมยกให้ที่ “ปราสาทตาพรหม” นี่แหละคือที่สุดของปราสาทที่ได้เห็น.. คือตัวพื้นที่ถ้าถามว่ากว้างใหญ่หรือไม่ แน่นอนว่าไม่ได้กว้างใหญ่เท่าปราสาทนครวัด หรือมีพื้นที่กว้างขวางมีเจดีย์สูง ๆ มีพระปรางค์สูง ๆ เหมือนปราสาทอื่น ๆ แต่ที่ผมประทับใจก็คือรู้สึกว่าที่ปราสาทตาพรหมนั้นแลดูขลัง และมีความลึกลับอยู่ในหลาย ๆ มุมที่ผมได้เดินวนไปวนมา
… “รากของต้นสะปง” ที่แผ่ปกคลุมแนวกำแพงถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งสัญลักษณ์ของนครวัดไม่ต่างอะไรจากภาพของปราสาทนครวัด หรือใบหน้าเปื้อนยิ้มที่ปราสาทบายน.. ถ้าใครอยากได้ภาพโล่ง ๆ ช่วงเวลาที่เหมาะสมก็คือช่วงเช้าที่นักท่องเที่ยวยังไม่มากสักเท่าไหร่ จะทำให้เราถ่ายภาพภายในปราสาทนี้ได้ง่ายขึ้น .. ส่วนอีกช่วงเวลาที่ผมว่าน่าสนใจก็คือตอนก่อนพระอาทิตย์ตก แต่ผมเองก็ไม่ได้มาช่วงนั้นแค่คิดในใจว่าแสงคงทำองศาส่องสวยงามกว่าช่วงเช้า…
…ภายในปราสาทตาพรหมถ้ามาแล้วจะถ่ายรูปให้สนุกต้องแน่นอนครับเลนส์ที่เก็บภาพได้กว้าง ๆ อย่างเลนส์วายด์นั้นถือว่าสำคัญมากเพราะจะเก็บภาพได้ตั้งแต่รากของต้นสะปงยันไปถึงกิ่งก้าน หรือตัวสถานที่ที่พอใช้เลนส์มุมกว้างถ่ายออกมาแล้วจะครอบคลุมพื้นที่เห็นบรรยากาศโดยรวมได้ชัด ๆ สำหรับผมก็สลับไปมาสลับมาครับเดี๋ยวใส่เลนส์ซูม เดี๋ยวก็เลนส์กว้าง เดินสลับไปเรื่อยพร้อมกับเดินหามุมเดินวนไปวนมา มุดเข้ากำแพงตรงนี้ไปออกตรงนั้น มุดตรงนั้นไปโผล่ตรงนี้ เดินไปเดินมาก็มีให้ทึ่งในความมหัศจรรย์ของคนที่สร้างจริง ๆ
…ทิ้งท้ายสำหรับปราสาทตาพรหมสำหรับใครที่เคยดู Tomb Raiders ก็อย่าลืมมาเก็บภาพมุมเดียวกับแองเจลิน่า โจลี่นะครับ.. ดูแบบหาภาพจากในเนทแล้วมายืนเก๊กรับรองได้เท่กลับไปแน่นอน 5555
*************************************************
…สีสันยามค่ำคืน : PUB STREET NIGHT LIFE…
…ผ่านไปกับเรื่องราวพอสังเขปเกี่ยวกับปราสาทต่าง ๆ ซึ่งที่ได้อ่านได้ชมภาพกันไปนี่บอกเลยว่าแค่ส่วนหนึ่งเท่านั้น หากเอาจริง ๆ จะตามเก็บกันจริง ๆ หนึ่งสัปดาห์อาจไม่หมด.. แต่โดยรวมคร่าว ๆ หลัก ๆ ก็จะอยู่ที่ประมาณที่ผมเขียนไว้ด้านบนนี่แหละครับ
…มาต่อกันในเรื่องของสีสัน และบรรยากาศที่ถือว่าเป็นอีกหนึ่งมนต์เสน่ห์หนึ่งของเมืองเสียมเรียบก็คือยามค่ำคืนบริเวณ Pub Street และตลาดเก่า Old Market ที่ตั้งแต่เวลาเย็น ๆ บรรดาร้านรวงผับบาร์ ร้านขายของที่ระลึก ร้านนวด ร้านอาหารก็จะค่อย ๆ ทยอยเปิดต้อนรับผู้มาเที่ยวอยู่แน่นขนัดเต็มถนนทั้งสาย.. ช่วงเวลาแห่งความสุขหลังจากเหน็ดเหนื่อยมาทั้งวันของใครหลายคนก็อยู่ที่ยามเย็นยามค่ำนี่แหละครับ การได้นั่งจิบเบียร์เย็น ๆ ไปเรื่อย ๆ สายตาก็มองสิ่งสวย ๆ งาม ๆ ที่ผ่านไปผ่านมาอย่างสาว ๆ .. ที่ปฏิเสธไม่ได้ว่าหนุ่ม ๆ จะต้องมีสอดส่องสายตาส่งยิ้มกันให้บ้างล่ะ..
…ในส่วนของเครื่องดื่มที่ถือว่าเป็นจุดเด่น และจุดขายของที่นี่ก็คือ “เบียร์” ที่มีราคาถูกมาก เฉลี่ยแล้วตกกระป๋องละประมาณครึ่งเหรียญ หรือประมาณ 18 บาทไทย.. ซึ่งหาซื้อได้ทั่วไปแต่จะยิ่งพิเศษขึ้นไปก็ต้องช่วง Happy Hour ที่ทางร้านแต่ละร้านก็จะมีโปรโมชั่นเขียนไว้หน้าร้านให้เราเลือกว่าจริตเราไปถูกโฉลกกับร้านไหน.. ไหน ๆ ว่ากันไปในส่วนของเบียร์ที่ถูกแต่น้ำอัดลมนี่สิกระป๋องนึงตีไปเลย 1 เหรียญ เท่าตัวเลย สลับกับบ้านเราน้ำอัดลมกระป๋อง 15 บาท เบียร์ 30 กว่าบาท ที่นี่สลับกัน.. และในส่วนของอาหารจานหลักอย่างพวกข้าวผัด ข้าวกะเพราหมูก็จะอยู่ที่ประมาณจานละ 2 – 3 เหรียญสำหรับร้านบ้าน ๆ ปกติธรรมดา แต่อาจราคาสูงขึ้นอีกนิดกับร้านหรู ๆ ก็เลือกดูเมนูหน้าร้านกันก่อนครับเพื่อความชัวร์…
*************************************************
…มุมมองของผมกับเมืองเสียมเรียบ…
…จากระยะเวลาทั้งหมด 4 วัน 3 คืนที่ผมได้อยู่ที่เมืองเสียมเรียบ แน่นอนว่าเน้นหนักไปกับการเที่ยวชมความมหัศจรรย์ของสิ่งก่อสร้างที่มีอายุนานนับพันปีอย่างนครวัด นครธม สถานที่ที่เป็นที่ใฝ่ฝันของนักเดินทางมากมายที่เดินทางมาปีนึงจำนวนมากมายมหาศาล ทำให้เราได้พบเห็นชาวต่างชาติมากมายที่มาจากประเทศแถบต่าง ๆ ทั้งเอเชียด้วยกันอย่างชาวจีน เกาหลี ญี่ปุ่น หรือชาวยุโรปที่มีจำนวนไม่ยิ่งหย่อนไปกว่ากัน ทำให้เห็นได้ว่านี่คือเมืองแห่งการท่องเที่ยวอย่างแท้จริง.. แม้อะไรหลาย ๆ อย่างอาจดูไม่ได้ศิวิไลซ์มากมาย ตึกสูงที่แทบจะไม่มีให้เห็นเพราะสิ่งก่อสร้างทั้งหมดถูกกำหนดอย่างชัดเจนว่า “ห้ามสร้างสูงกว่ายอดของนครวัด” ทำให้ทุกสิ่งทุกอย่างในเมืองนี้ไม่มีอะไรจะยิ่งใหญ่ และมีคุณค่ามากไปกว่าความเชื่อความศรัทธาของมหานครแห่งนี้ที่ชาวเมืองเสียมเรียบ และชาวกัมพูชายึดมั่นถือปฏิบัติต่อกันมาอย่างช้านานเช่นเดียวกับอายุอานามของนครวัด และนครธม
…ปิดท้ายการเดินทางผมเองก็ลองให้คะแนนความสุขกับตัวเองกับการเดินทางครั้งนี้ก็ให้ 10 เต็ม 10 เลยนะ .. เพราะทุกอย่างราบรื่นตั้งแต่เริ่มหาคนขับรถตั้งแต่นั่งอยู่หน้าคอมที่บ้านก็โชคดีที่ได้มิสเตอร์ชูมาเป็นคนขับรถ https://www.facebook.com/profile.php?id=100008235976591 < เฟซบุ๊คมิสเตอร์ชู ใครสนใจติดต่อได้.. ที่พักโดยรวมก็โอเคแม้แอร์จะไม่ค่อยเย็นสักหน่อยเข้าใจว่าเพราะอากาศที่ร้อนจัด .. ในส่วนของสถานที่ที่ผมได้ไปแต่ละสถานที่ก็ทำให้ประทับใจบวกกับความมึนงงกับการก่อสร้างในสมัยก่อนว่าสร้างได้อย่างไร.. รวมไปถึงมิตรภาพรอยยิ้มจากชาวเมืองเสียมเรียบที่พอรู้ว่าเราเป็นคนไทยก็ชวนคุย ซ้ำบางคนยังพูดไทยได้ลื่นปรื๊ด ๆ เลย 555 .. ทุกอย่างลงตัวจะมีที่รู้สึกว่าเกินรู้สึกหน่อยก็คือความร้อนของสภาพอากาศที่รู้สึกว่ากระหน่ำซัมเมอร์เซลมากกับอุณหภูมิในแต่ละวันที่เรียกว่าเล่นเอาผมหมดเหงื่อหมดน้ำไปหลายลิตรเลย แต่ถ้ามองในแง่ดีก็ดีตรงที่ไร้ฟ้าครึ้มฝนคะนองแน่นอนทำให้การเที่ยวเป็นได้อย่างราบรื่นไม่ตะกุกตะกัก .. แต่เห็นทีเพื่อความหลากหลายหากสักวันได้กลับมาอีกขอมาช่วงหน้าหนาวแล้วกัน.. แล้วไว้สักวันจะกลับมาใหม่ “นครวัด นครธม : Ancient Angkor” …
…แล้วสุดท้ายอย่าลืมนะครับเดินทางไปเสียมเรียบมีไฟลท์บินทุกวัน หมดห่วงเรื่องว่าจะไปวันไหนดีจะต้องชนเสาร์อาทิตย์อย่างเดียวหรือเปล่าถึงจะมีไฟลท์ สำหรับสายการบินแอร์เอเชียไม่ว่าจะวันธรรมดา หรือวันหยุดวันไหน ๆ วันสุขวันฝนตกวันฝนไม่ตกบินครบทุกวัน
FD 610 • ดอนเมือง 10.10 > เสียมราฐ 11.10 / FD 614 • ดอนเมือง 13.30 > เสียมราฐ 14.30
FD 611 • เสียมราฐ 11.55 > ดอนเมือง 12.55 / FD 615 • เสียมราฐ 15.20 > ดอนเมือง 16.20
…ขอแถมคลิปวิดีโอไว้ให้ดูเล่น ๆ กันสักหน่อยกดรับชมแบบ HD 1080p กันได้เลยนะคร๊าบบ ^^
*************************************************